ปีเสือไฟที่ผ่านพ้นไป เป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์มีความแปลกแตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา มีหลายเรื่องราวผ่านเข้ามา คละเคล้าอารมณ์กันตลอดทั้งปี

แต่ที่แน่ๆ เป็นปีเปิดศักราชรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์ต้นๆ ของโลกอย่าง “เทสล่า” ตัดสินใจเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี กับโมเดล 3 และโมเดล Y

หรืออย่างค่ายยักษ์ใหญ่จากแดนมังกร “บีวายดี” มีทั้งแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เรเว่ ออโตโมทีฟ พร้อมเสริมความมั่นใจว่างานนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยการเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ ชนิดตามกันมาติดๆ

ส่วนในปี 2566 นี้ ความเคลื่อนไหวของค่ายรถยนต์ จะมีรถรุ่นใหม่อะไรออกมา

เริ่มจากพี่ใหญ่โตโยต้า ประสบความสำเร็จอย่างมากกับโตโยต้า ยาริส เอทีฟ สร้างปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยรูปร่างต้องตา เทคโนโลยีโดนใจ ชนิดคุ้มค่าคุ้มราคา กับค่าตัวอย่างมาก

ปีนี้ต่อยอดความสำเร็จกันรัวๆ ด้วย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด ระบบไฮบริดที่ติดตั้งอยู่บน ยาริส เอทีฟ เป็นสมาร์ต ไฮบริด เต็มระบบ

ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 91 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้ทั้งความแรงที่มาพร้อมความประหยัด








Advertisement

ส่วนอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โตโยต้า เซียนต้า ใหม่ ที่เปิดตัวกันไปเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว รถ MPV 7 ที่นั่ง ประตูสไลด์ข้าง ขวัญใจครอบครัวใหญ่ ที่มีคนสูงวัยและเด็กเล็ก

ดูน่ารักน่าชังขึ้นมากโข ขณะที่จุดเด่นเรื่องความสะดวกสบายยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยมเช่นเดิม เพิ่มเติมคือการขับขี่ที่ง่ายขึ้น เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT หากขึ้นไลน์ผลิตที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อไหร่อีกไม่นานเข้ามาทำตลาดบ้านเราแน่นอน

ค่ายฮอนด้ามาแน่กับฮอนด้า CR-V ใหม่ ดีไซน์หล่อเหลา ถูกขัดเกลาให้เนียนยิ่งขึ้น ส่วนขุมกำลังน่าจะเดินตามรอยฮอนด้า HR-V ที่มีแต่เทคโนโลยีไฮบริด ที่ฮอนด้าเรียกว่า e-HEV เพราะดูเหมือนลูกค้าจะชื่นชอบกับทั้งความแรง ที่มาพร้อมความประหยัด

ส่วน ฮอนด้า WR-V คาดว่าจะเข้ามาแทรกกลางระหว่าง ฮอนด้า BR-V กับ ฮอนด้า HR-V เพื่อเป็นการอุดช่องว่างเซ็กเมนต์ พร้อมเติม เต็มตัวเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและสะดวกสบายมาเต็มพิกัดตามแบบฉบับฮอนด้า

ขณะที่ปลายปีมีลุ้นกับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 11 ดีไซน์เรียบหรู สุขุมลุ่มลึก ขุมกำลังที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกา มีทั้ง เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด ขณะที่บ้านเราดูทรงแล้วน่าจะมีแต่รุ่นไฮบริดตามเทรนด์รักษ์โลกที่ฮอนด้า มุ่งมั่นมาโดยตลอด

ค่ายซูซูกิ ปีนี้นำเทคโนโลยี สมาร์ต ไฮบริด มาใส่ไว้ในซูซูกิ XL7 ซึ่งได้รับคำชื่นชมในเรื่องดีไซน์อย่างมาก มั่นใจอย่างมากว่าจะประสบความสำเร็จ เหมือนเช่นที่ได้เปิดตัวใน ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ต ไฮบริด กันไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้คันเร่งน้อยลง เพราะเรียกกำลังมาใช้งานได้เร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันในระดับหนึ่งด้วย

ส่วนอีโค คาร์ น้องเล็กสุดในตลาด ซูซูกิ เซเลริโอ ใหม่ เปิดตัวในอินเดียปีที่แล้ว รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับรุ่นที่ขายอยู่ในบ้านเราทั้งภายนอก ภายใน

ดูแล้วมีความโค้งมน ทันสมัยมากขึ้น ต้องลุ้นกันว่า ผู้บริหารซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จะตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดบ้านเราหรือไม่

ค่ายทรีไดมอนต์ มิตซูบิชิ ได้ฤกษ์ปรับใหญ่ โมเดล เชนจ์ กับรถปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ มีภาพแรนเดอร์ออกมากันบ้างแล้ว

ถ้าเป็นรูปนี้จริง ด้านหน้าดุดันขึ้น แต่ดูตันไปหน่อย ไม่พลิ้วไหวเหมือนรุ่นปัจจุบัน ขุมกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล ไมเวค 2.4 ลิตร น่าจะยังคงประจำการอยู่ เพราะถือว่าเป็นพระเอกตัวจริงที่ใครได้ลองเป็นต้องหลงรัก

แต่ที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษว่าจะมีรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด มาพร้อมกันด้วยเลยหรือไม่ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 248 แรงม้า วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสุด 84 ก.ม.

ค่ายฮุนได เป็นค่ายที่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในบ้านเรา เพราะนอกจากบริษัทแม่จากประเทศเกาหลี จะเข้ามาดำเนินธุรกิจเองแล้ว ยังมีแผนขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย

แต่รถรุ่นแรกที่คาดว่าจะนำเข้ามาทำตลาดก่อนน่าจะหนีไม่พ้น ฮุนได IONIQ 5 ที่เผยโฉมกันไปในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เมื่อปลายปีที่แล้ว ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ SUV ในรุ่นมาตรฐาน มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 383 ก.ม. เมื่อชาร์จเต็ม 100%

ส่วน IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้า ที่รูปลักษณ์ละม้ายคล้ายกับรถสปอร์ตจากเมืองไส้กรอก ต้องลุ้นว่าปลายปี นักเลงรถเมืองไทยจะมีโอกาสได้จับจองเป็นเจ้าของกันหรือไม่

ค่าย BYD เปิดตัวกันไป 1 รุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว BYD ATTO 3 ปีนี้ปูพรมจัดเต็มอีกหลายรุ่น ที่มาแน่ BYD Dolphin กับ BYD Seal

BYD Dolphin EV เป็นยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้น มิติตัวถังกะทัดรัด ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมือง ออกแบบในสไตล์แฮตช์แบ๊ก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความปราดเปรียวของโลมาตามชื่อรุ่น

ห้องโดยสารใช้สีทูโทน เบาะนั่งทรงสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน มือจับเปิดประตูออกแบบคล้ายครีบของโลมา จอใหญ่เต็มตาขนาด 12.8 นิ้ว

มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 290 นิวตัน-เมตร แบตฯ เต็ม 100% วิ่งได้ไกล 401 กิโลเมตร

ขณะที่ BYD SEAL EV ที่จัดอยู่ในกลุ่มสปอร์ตซีดานขนาดกลาง แนวหลังคาที่โค้งมนในสไตล์รถคูเป้ ไฟหน้าทรงเรียว รับกับช่องดักลมแนวล้ำสมัย

ห้องโดยสาร SEAL EV พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน ทรง D Shape จอ Driver Display แสดงผลในรูปแบบดิจิตอล จอแสดงผลในส่วนของระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว

ขุมกำลังในรุ่นเริ่มต้น SEAL EV Standard Range วิ่งได้ 550 กิโลเมตร กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ กับแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ขณะที่ยังมีตัวแรงอีก 2 รุ่นย่อย

สําหรับค่ายรถหรู ปีนี้ยังคงมีรถรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ได้เลือกสรรเป็นเจ้าของ หลากหลายรุ่น

ไม่ว่าจะเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำทัพรถยนต์ไฟฟ้าดาหน้า เข้ามาในบ้านเราเต็มสูบ ทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQA น้องเล็กสุด นำมอเตอร์ไฟฟ้าไปใส่ไว้คอมแพ็กต์คาร์ เทียบเท่าเจ้า GLA ความหรูหรามีมาพอตัว แต่เทคโนโลยีอาจจะไม่ได้ล้ำเท่า EQS ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว

ค่ายกังหันฟ้า-ขาวไม่น่าพลาดกับเจ้า X1 ใหม่ ที่เปิดตัวกันไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ดูใหญ่โตโอ่อ่ามากยิ่งขึ้น ขุมกำลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์เบนซิน ปลั๊ก-อิน ไฮบริด

ไปจนถึงไฟฟ้า 100% กับเจ้า iX1 xDrive30 ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า ชาร์จเต็มวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 400 ก.ม.

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางรุ่นมาให้พอเป็นน้ำจิ้ม เผื่อใครที่กำลังเล็ง รถรุ่นใหม่อยู่จะได้ศึกษาไว้เป็นแนวทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน