ครม.รับทราบผลพ.ร.ก.เงินกู้ฯ 1 ล้านล้านบาท รอบครึ่งปีหลังของปี 2565 แล้วเสร็จ 100 โครงการ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 2.9 ล้านล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ม.ค.2566 รับทราบการประเมินผลโครงการหรือ แผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก. เงินกู้ฯ 1 ล้านล้านบาท) ครั้งที่ 2 ใช้จ่ายเงินกู้ ตามพระราชกำหนด รอบ 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.2565) โดยการประเมินผลจะสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน ที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 100 โครงการ กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรวม 898,092.12 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายรวม 877,766.71 ล้านบาท คิดเป็น 97.73% ของกรอบวงเงินตามที่ครม.อนุมัติ

“ผลปรากฏว่าทั้ง 100 โครงการมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก สร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 2,916,074.47 ล้านบาท มีรายได้ กลับคืนภาครัฐ 562,869.84 ล้านบาท เกิดความคุ้มค่า 3.55 เท่า”

โดยมีผลการประเมินระดับแผนงานที่ 1 โครงการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ประเมินผล 26 โครงการ กรอบวงเงินรวม 55,086.52 ล้านบาท เบิกจ่ายรวม 51,046.76 ล้านบาท คิดเป็น 92.66% ของกรอบวงเงิน มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี

และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม 35 ล้านโดส ส่งผลต่อเศรษฐกิจ 63,559.74 ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการจัดเก็บภาษีจำนวน 12,267.03 ล้านบาท แผนงานที่ 2 โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ประเมินผล 17 โครงการ กรอบวงเงินรวม 669,688.03 ล้านบาท มีผลเบิกจ่ายรวม 667,393.81 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% ของกรอบวงเงิน มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี เช่น โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

แผนงานที่ 3 โครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับ ผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีผลการประเมินอยู่ในระดับดี เช่น โครงการคนละครึ่ง ส่งผลต่อเศรษฐกิจ 696,325.45 ล้านบาท มีรายได้ที่คาดว่ารัฐจะได้รับกลับคืนสูงสุดจากการจัดเก็บภาษี 134,390.81 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน