บีบีซีรายงานวันที่ 16 ม.ค. ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครน หลังกองกำลังรัสเซียหวนโจมตีในหลายเมืองทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ เมืองออแดซา และเมืองดนีปรอ ทางภาคตะวันออก ซึ่งอาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้นถูกขีปนาวุธยิงถล่มในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นเหตุให้บางส่วนของอาคารพังทลายกลายเป็นเศษซาก มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 36 ราย ยังสูญหาย 38 คน และราว 70 คนได้รับบาดเจ็บ

นายบอริส ฟิลาตอฟ นายกเทศมนตรีเมืองดนีปรอกล่าวว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บมีอย่างน้อย 10 คนที่อาการสาหัส และว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมจากซากอาคารดังกล่าว ด้านนายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี ผู้นำโปแลนด์ กล่าวประณามการโจมตีว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และว่ารัสเซียแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าต้องการก่ออาชญากรรมสงครามต่อต้านพลเรือน

ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่าปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ “ทุกอย่างกำลังพัฒนาภายใต้กรอบแผนงานของกระทรวงกลาโหมและคณะเสนาธิการ” นายปูตินกล่าวย้ำ

ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แถลงเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.ว่าได้รับข้อความแสดงความเสียใจจากรัฐบาล ทั่วโลก พร้อมกล่าวประณามประชาชนชาวรัสเซียที่นิ่งเฉยต่อการโจมตีอันโหดเหี้ยมที่พุ่งเป้าเข่นฆ่าพลเรือนชาวยูเครน โดยนายเซเลนสกีใช้ภาษารัสเซียกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ตอนนี้ไม่สามารถกล่าวประณามความโหดร้ายนี้ ความเงียบที่แสนขลาดเขลาของคุณ ความพยายามของคุณที่รอให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจะจบลงด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าสักวันหนึ่งผู้ก่อการร้ายกลุ่มเดียวกันนี้จะมาหาพวกคุณ” ผู้นำยูเครนระบุอีกว่าหนึ่งในเหยื่อเป็นเด็กหญิงวัย 15 ปีที่ถูกลูกหลงเสียชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน