“มหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่ ปลอดภัย ไม่ใช่ถนนสาธารณะทั่วไป”
ผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นอธิบายเหตุผล หลังพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา โชเฟอร์รถบัสรับ-ส่ง เจ้าหน้าที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัย เป็นเหตุให้ ‘น้องอาย’ น.ส.อรุณนภา วัฒนพานิช อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เสียชีวิต
สำหรับคดีนี้ ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงาน อัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรศักดิ์ สีหาวัตร อายุ 36 ปี จำเลยฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา
กรณีขับรถบัสคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์ บริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ ส่งผลให้น้องอายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2565
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี เห็นควรลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอ ลงอาญา
นางนิตยา รุ่งสถิต แม่ของน้องอาย เปิดใจหลังรับฟังคำตัดสิน ของศาลว่า พอใจในคำพิพากษา โดยศาลเลือกที่จะใช้ดุลพินิจ ไม่ให้รอลงอาญา เพราะเห็นใจผู้สูญเสีย และมองว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นควรให้ความช่วยเหลือมากกว่านี้ และวันนี้ตนจะยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าสินไหม 50 ล้านบาทจากคนขับรถทัวร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น
โดยก่อนหน้านี้เดิมเคยเรียกร้อง ยอดสินไหมจำนวน 66 ล้านบาท โดยคิดตั้งแต่ลูกสาวอายุจะครบ 23 ปี ในวันจบการศึกษา เริ่มต้น การเป็นแพทย์จนถึงวันเกษียณอายุราชการ คิดรายได้ของแพทย์ ในอัตราวันละ 5,000 บาท ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นไม่สามารถ จ่ายให้ได้ จึงให้ญาติน้องอายใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องศาล
แต่หลังจากปรึกษาทนายความ และเจ้าหน้าที่ศาลแล้ว เห็นตรงกันว่า ควรคัดสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาของศาลแนบไปกับคำฟ้องแพ่งด้วย ฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จากนายสุรศักดิ์จำเลย รวมทั้ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอธิการบดี
โดยใช้เวลารอสำเนาคำพิพากษา 5-7 วัน ดังนั้น จะสามารถ ยื่นฟ้องแพ่งได้ภายในอีก 1 สัปดาห์
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ส.ค.2565 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถบัสเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์บริเวณทางแยกคณะเภสัชศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนักศึกษาได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ถูกส่งรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
แต่น้องอายเสียชีวิตระหว่างทาง
กล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุบันทึกภาพเหตุการณ์สลดไว้ชัดเจน โดยเหตุเกิดขึ้นในเวลา 08.00 น. รถทัวร์คณะพยาบาลศาสตร์กำลังเลี้ยว ไปทางขวาเพื่อไปคณะพยาบาล ก่อนที่จะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์นักศึกษาคณะแพทย์ที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรจนล้มลงและทับรถจักรยานยนต์ก่อนที่จะหยุดรถ ทำให้นักศึกษาแพทย์ที่ขี่รถมา เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. พ.ต.อ.ธนาวัตร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อม พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงพื้นที่ ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อร่วมหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหากับคนขับรถคันเกิดเหตุ ต่อไป
หลังนายวีรวัฒน์ ยุกติรัตน์ อายุ 29 ปี ญาติผู้พี่ของน้องอาย และเป็นอดีตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะครอบครัว ยังติดใจกับอุบัติเหตุภายในมหาวิทยาลัย ว่ามีการจัดการจราจรที่ถูกต้อง หรือไม่ ไฟจราจรต่างๆ ใช้งานอย่างไร
เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ตั้งแต่สมัย นายวีรวัฒน์ยังเรียนอยู่ กระทั่งมาเกิดเรื่องสลดกับคนในครอบครัว
ขณะในทางคดีนายสุรศักดิ์โชเฟอร์รถบัสที่เกิดเหตุให้การว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุขับรถไปส่งนักศึกษาฝึกงาน และกำลังจะเอารถ ไปจอดที่คณะพยาบาล พอถึงจุดเกิดเหตุได้เลี้ยวขวา ซึ่งขณะนั้น มองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจริงๆ และไม่รู้ตัวว่ารถไปเฉี่ยวรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้วย
พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเสียชีวิต กระทั่งมีคำพิพากษาออกมาในที่สุด
เรื่องราวของน้องอายเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในรั้วสถาบันการศึกษา
เพราะไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ตราบที่ผู้ขับขี่ยวดยาน พาหนะยังตั้งอยู่ในความประมาท และมีจิตสำนึกแห่งความปลอดภัยที่บางเบา
จักรพันธ์ นาทันริ
เอกพงษ์ พุทธา – เรื่อง/ภาพ