สร้าง‘บุพเพ’ ด้วยมือตน!

ฝึกจิต

เนื่องจากวันที่เขียนบทความนี้ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งโดยสากลถือว่าเป็นวันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก ดังนั้น วันนี้จึงนำเรื่องของการสร้าง “บุพเพสันนิวาส” ขึ้นด้วยมือตนเองมาเล่าสู่กันฟัง!

นับแต่ในอดีต สิ่งที่สาววัยรุ่นชาวชมพูทวีป มักบนบานศาลกล่าวกับเทพเจ้ามากที่สุด คือ การขอให้พบเจอคู่ครองที่ดีมีฐานะเสมอกัน และมีลูกคนแรกเป็นเพศชาย เพราะในวัฒนธรรมอินเดีย ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อแต่งงานแล้วย่อมไม่สามารถแต่งงานได้อีกตลอดชีวิต ซึ่งผิดกับผู้ชาย ที่สามารถแต่งงานใหม่กี่ครั้งก็ได้ ตราบเท่าที่ยังมีเรี่ยวแรงจะเลี้ยงดูภรรยา ยิ่งถ้าฝ่ายหญิงไม่สามารถคลอดบุตรให้แก่ตระกูลได้ ก็เท่ากับเป็นการสร้างเหตุผลในการหย่าร้างแก่ฝ่ายชายอย่างเต็มประตู

แม้ในสมัยพุทธกาลก็มีบุคคลที่โด่งดังอย่าง นางสุชาดา แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาสรสเลิศ อันเป็นอาหารมื้อก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเจตนาของนางสุชาดานั้น มิได้ตั้งใจทำอาหารถวายพระมหาบุรุษ แต่ต้องการถวายเทพเจ้าเพื่อแก้บน ตามที่ตนได้เคยบนบานเอาไว้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กสาวแรกรุ่น ว่าขอให้ได้พบเจอคู่ครองที่มีฐานะเสมอกัน และได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย

เพราะผู้หญิงอินเดียคาดหวังต่อความสุขชั่วชีวิตของตนและลูกที่จะเกิดขึ้นมาอย่างที่สุด แต่กระนั้นก็ตาม แม้ว่าจะพิถีพิถันในการเลือกคู่ครองขนาดไหน ก็ยังคงพลาดพลั้งจนถึงกับต้องเลิกร้างกันไปเป็นจำนวนมากในสังคมอินเดีย ซึ่งการหย่าร้างเป็นทางเลือกสุดท้ายในการยุติความสัมพันธ์ของคนที่เคยรักกันได้อย่างยากเย็น โดยปัญหาการหย่าร้าง ก็มิได้เพิ่งมีในยุคนี้ แต่มีมาทุกยุคทุกสมัย และมีอยู่ไปทั่วทุกพื้นที่ในโลก

โดยสาเหตุของคนที่เลิกร้างกันไป ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพื้นๆ ที่ตื้นเขิน แต่กลับแก้ไขได้อย่างยากเย็น นั่นคือ “การทำผิดแล้ว ไม่ยอมรับผิด” เพราะอัตตาของคนเราจะบีบให้รู้สึกว่าตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีก คนอื่นต่างหากที่ ต้องเปลี่ยนให้เหมือนกับที่เราคิด จึงไปเข้าตำราโบราณที่ว่า ‘โทษคนอื่นเท่าภูเขา โทษตัวเราเท่าเส้นขน’ พอไม่มีการปรับตัวเข้าหากัน ก็เกิดอาการอัตตาปะทะอัตตา สุดท้ายจึงมีแต่ พังพินาศลูกเดียว

พระพุทธเจ้าจึงแนะนำวิธีการอยู่ครองคู่กันอย่างยั่งยืนไว้ว่า ประการแรก ต้องมี สัจจะ คือ ให้ความจริงใจต่อกัน พอมีเรื่องเกิดขึ้น ควรพูดคุยกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเอาแต่ใช้อารมณ์ ประเภทน้อยใจไม่พูดด้วยไป 3 วัน กว่าจะได้คุยกันรู้เรื่อง คนง้อก็เบื่อ คนงอนก็เหนื่อย ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากเสียเวลาไปโดยมิใช่เหตุ และยังเป็นการสร้างความแตกร้าวให้เกิดขึ้นในระยะยาวอีกด้วย วันไหนอีกฝ่ายเบื่อจะง้อ วันนั้นก็เป็นอันบ้านแตกกัน

ประการที่สอง ต้องมี ทมะ คือ การข่มใจตัวเอง ไม่ให้ออกงิ้ว แสดงความเกรี้ยวกราด พาลใส่สารพัด จนเสียอาการ ถ้าเห็นสิ่งใดไม่ถูกต้อง ควรค่อยๆ หาทางพูดคุยกันดีๆ ด้วยเหตุและผล มองผลของการบันดาลโทสะใส่กันให้ยาวไกล อย่าเพิ่งไปต่อว่าให้กัน จนจุดชนวนทิฐิมานะของอีกฝ่ายขึ้นมาทะเลาะกัน จากเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่สุด

ประการที่สาม ต้องมี ขันติ คือ ความอดทนในการใช้ชีวิตร่วมกัน ถนอมน้ำใจกัน เพราะชีวิตคู่เป็นการยอมรับใครอีกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จะทำอะไรจึงต้องคิดถึงคนที่อยู่ด้วยกันเสมอ ต้องตระหนักไว้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว ยิ่งหลายครอบครัวก็อาจมิได้แต่งกับคนรักเราเพียงคนเดียว แต่อาจต้องแต่งกับครอบครัว คือ พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ของเขาด้วย จึงต้องเพิ่มความอดทนให้มากเป็นพิเศษถึงจะอยู่กันยืด

ประการสุดท้าย ต้องมี จาคะ คือ ความเสียสละให้แก่กัน ถ้าเห็นสิ่งใดที่พอเสียสละให้กันได้ ก็ควรเร่งทำ และถ้าเห็น บางสิ่งที่เราไม่ชอบใจในตัวเขา ถ้าเสียสละด้วยการให้อภัยได้ ก็ควรกระทำ หรือ ถ้าความดีใดที่มีอยู่ในตัวเราแล้วเป็นสิ่งดี กับเขา ก็ควรพยายามทำให้มากเข้าไว้ แล้วจะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมั่นคง

เพราะชีวิตคู่นั้น ในช่วงแรกรักหวานซึ้ง จะเป็นช่วงที่ต่างฝ่ายต่างนำเสนอในสิ่งที่ดีของตน ส่วนข้อบกพร่องจะเก็บซ่อนเอาไว้ ดังนั้นในเมื่อเริ่มต้นด้วยการนำเสนอแต่สิ่งดีจนอีกฝ่ายเคยชิน พออยู่กันไปนานๆ ข้อบกพร่องย่อมปรากฏขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอถึงตอนนั้นก็ต้องอาศัยธรรมะเข้าช่วยประคับประคองกันไว้ คือ ต้องมีความจริงใจต่อกัน มีความข่มกลั้น มีความอดทน และมีความเสียสละต่อกัน ซึ่งถ้าทำได้ชีวิตคู่ก็จะยืนยงคงมั่น

ยิ่งถ้าสามารถชักชวนกันปฏิบัติธรรมได้ ด้วยการพากันให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา ร่วมกันอยู่เนืองๆ ฉุดดึงกันทำบุญทุกอย่าง ก็ยิ่งเป็นการสร้างแรงดึงดูดที่เหนือแรงดึงดูดทั้งปวง อันจะช่วยยึดเหนี่ยวกันไว้อย่างแน่นแฟ้น ยิ่งนานก็ยิ่งแนบสนิทส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกัน และกัน จูงมือสู่ความเจริญด้วยกัน เช่นนี้นับเป็นความสัมพันธ์อันดีงามที่สุด ผูกพันกลมเกลียวกันที่สุด ตราบจนไปถึงสุดทางด้วยกัน คือ พระนิพพาน

พระเฉลิมชาติ ชาติวโร
พระธรรมทูตเชิงลึกแดนพุทธภูมิ
สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน