วันที่ 22 ก.พ. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้กระทรวงการคลังเร่งจ่ายเงิน ผ่านบัตรคนจนรอบใหม่ให้ทันภายใน 1 มี.ค.ว่า การจ่ายเงินครั้งนี้ดูออกมาแต่ไก่โห่ว่ามีเจตนาหวังผลเชิงบวก ต่อคะแนนเลือกตั้ง ตั้งใจขยายสิทธิ์ผู้ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ในจังหวะเดียวกับช่วงหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.ใช่หรือไม่ ซ้ำรอยเดิมที่เคยทำในการขยายสิทธิ์ครั้งใหญ่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 จากจำนวนผู้ถือบัตร 7.5 ล้านคน เป็น 14.5 ล้านคนมาแล้ว

ต่างกันเพียงรอบนี้ประชาชนคงไม่หลงลูกไม้ตื้นๆ แบบเดิมอีก หากจำนวนผู้รับสิทธิ์ครั้งใหม่ที่กำลังจะประกาศสูงถึง 17-20 ล้านคนจริง ตามที่เคยประกาศเป็นแผนไว้ มีแต่จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นหลักฐานที่สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการตลอด 4 ปีที่ผ่านมามากกว่า งบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งไว้สำหรับปีงบประมาณ 2566 สูงถึงกว่า 35,000 ล้านบาท หากคิดรวมวงเงินที่ใช้ในบัตรคนจนตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันทะลุ 2.5 แสนล้านบาทแล้ว เป็นเสมือนเงินเยียวยาจากความล้มเหลวของการบริหาร ไม่สามารถช่วยส่งเสริมให้ประชาชนรากหญ้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ กู้มามากมาย แต่ยิ่งแจกยิ่งมีแต่จะทำให้ประชาชนจนลง ต้องขยายจำนวนผู้รับสิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ

ประชัน – ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ตราด พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นป้ายชูนโยบายเพิ่มเงินบัตรประชารัฐเป็น 700 บาท ประชันป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จบปริญญาตรีรับเงินเดือน 25,000 บาท ที่ถนนสุขุมวิท ต.เขาสมิง อ.เขาสมิง จ.ตราด

ข้อมูลของสภาพัฒน์ในปี 2565 จำนวนคนยากจนปี 2564 เพิ่มขึ้นจาก 4.3 ล้านคนในปี 2562 เป็น 4.4 ล้านคน และอีกหลายงานวิจัยสำรวจพบผู้อยู่ในสภาวะยากจนจริงแต่ตกหล่น ไม่ได้อยู่ในระบบของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกหลักล้านคนด้วย สะท้อนระบบจัดการที่ล้มเหลว เข้าไม่ถึงผู้ต้องได้รับการช่วยเหลือจริงอย่างชัดเจน จนสงสัยว่าหรือรัฐบาลหวังเพียงแจกเงินให้ถึงคนมากๆ เพื่อให้ถือเป็นบุญคุณกันหรือไม่

แจกกี่บาทประชาชนคงรับ แต่คงไม่มีอิทธิพลที่จะทำให้ประชาชนเลือกพรรคของพล.อ.ประยุทธ์ พวกเขาลำบากมา 8 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน