ยกให้เป็นรุ่นรถยนต์ที่ทำตลาดมาอย่างอยู่ยั้งยืนยง ตัวจริงเสียงจริง เพราะตลอด 25 ปี ของเจ้า อาวดี้ ทีที (Audi TT) ที่วาดลวดลายอยู่บนถนนทั่วโลก สร้างตัวตน และชื่อเสียงให้กับค่ายอาวดี้ จากแดนไส้กรอกมาโดยตลอด จนกลายเป็นไอคอนระดับตำนานไปเสียแล้ว

แต่แน่นอนว่า งานเลี้ยงต้องมีวัน เลิกรา ล่าสุด อาวดี้ เอจี ผู้ผลิต ได้ตัดสินใจปล่อยเวอร์ชั่นสุดท้ายของ อาวดี้ ทีที มาให้ผู้ที่หลงใหลรูปลักษณ์ และสมรรถนะ ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่กำลังจะเป็น แรร์ ไอเท็ม ในอนาคตอันใกล้

สำหรับบ้านเรา ไมซ์ สเตอร์ เทคนิค หรืออาวดี้ ประเทศไทย ผู้นำเข้า และทำการตลาด ขาย บริการหลังการขาย รถยนต์อาวดี้ จัดมาให้ลูกค้าได้จับจอง ในรุ่นคูเป้ และโรดสเตอร์ ซึ่งมาพร้อมกับสโลแกนประจำรุ่น Final Icon Black

สไตล์การออกแบบ Audi TT Coupe ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Bauhaus (เดอะ บาวน์เฮาส์) โรงเรียนด้านการออกแบบในประเทศเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในวงการออกแบบระดับโลก

ที่ให้ความสำคัญกับปรัชญาการออกแบบสมัยใหม่ ที่เชื่อว่าดีไซน์ที่เรียบง่าย การ ลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออก จะมีความร่วมสมัยเหนือกาลเวลา และที่สำคัญต้องสามารถนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันได้

Audi TT Coupe Final Icon Black รุ่นพิเศษ รุ่นสุดท้าย คงแนวความคิดต้นฉบับของ Audi TT Coupe สปอร์ตคูเป้ มาพร้อมชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line

พร้อมอัพเกรดลุกส์กับชุดแต่ง Black Edition รอบคัน ตั้งแต่ขอบกระจังหน้า ขอบกันชนหน้า หลัง และ สเกิร์ตข้าง ขณะที่กระจกมองข้างสีดำ จากเดิมสีเดียวกับตัวรถ ทำให้ดูดุดันมากขึ้น ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยางขนาด 245/35 R19 ดีไซน์ใหม่แบบ 5 ก้านคู่

เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตหุ้มหนังสลับ Alcantara พวงมาลัย 3 ก้าน มัลติฟังก์ชัน ท้ายตัด เพิ่มลุกส์สปอร์ต และยังทำให้การเข้าออกตัวรถสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ติดเข่า พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 305 ลิตร ใส่ถุงกอล์ฟยังไหว

ระบบข้อมูล และความบันเทิงครบครัน หน้าปัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 ระบบ MMI Navigation Plus เชื่อมต่อ smartphone ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง และ AUX-IN 1 ตำแหน่ง

ขุมกำลัง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection และ Turbocharge สมรรถนะ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 5.2 วินาที ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 จังหวะ

ช่วงล่างแบบ Sports (Sports suspension) หนึบแน่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro อันลือชื่อ จากที่เคยทดสอบในรุ่นก่อนหน้านี้ บอกเลยว่าไว้ใจได้ทั้งบนย่านความเร็วสูง และเข้าโค้ง

Audi TT Coupe Final Icon Black มีให้เลือก 6 สี Glacier white, Mythos black, Chronos grey, Tango red, Turbo blue และ Python yellow ราคา 3.599 ล้านบาท

ส่วนเจ้า Audi TT Roaster Final Icon Black สปอร์ตคูเป้เปิดประทุน หลังคาผ้าพร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาผ้าใบความหนา 2 ชั้น ใช้งานสะดวกสบาย ใช้เวลาเปิด-ปิด 10 วินาที

หมดกังวล หากขับอยู่แล้วเกิดฝนตก หรือเจอฝุ่น เพราะสามารถกดปิดได้ระหว่างขับรถ เมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Rollover bar ตกแต่งด้วยสีอะลูมิเนียม TT Roadster

กระจังหน้าแบบ Honeycomb grille ลุกส์ดุดัน อัพเดตชุดตกแต่งภายนอก Black Edition รอบคัน ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ขนาด 9.0Jx19 พร้อมยางขนาด 245/35 R19 พื้นที่เก็บสัมภาระย่อมลงมาจากรุ่นคูเป้เล็กน้อย อยู่ที่ 280 ลิตร แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับกระเป๋าเดินทาง แบบ 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 คนได้สบายๆ

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection และ Turbocharge 245 สมรรถนะ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 5.5 วินาที

ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 จังหวะ สามารถปรับโหมดแบบเกียร์ธรรมดาที่ตำแหน่งบวก-ลบ หรือจะใช้แป้น Paddle shift หลังพวงมาลัย

ช่วงล่างแบบ Sports (Sports suspension) มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro

ห้องโดยสารโทนสีดำเข้มขรึม เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตหุ้มหนังสลับ Alcantara ระบบข้อมูล และความบันเทิงครบครัน หน้าปัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว MMI Navigation Plus เชื่อมต่อ smartphone ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

Audi TT Roaster Final Icon Black มีให้เลือก 6 สี Glacier white, Mythos black, Chronos grey, Tango red, Turbo blue และ Python yellow ราคา 3.899 ล้านบาท

นักเลงรถหรูเมืองไทย สายสปอร์ตคูเป้ หรือสปอร์ต โรดสเตอร์ บอกเลยว่างานนี้ต้องรีบหน่อย เพราะมีให้เป็นเจ้าของทั้ง 2 รุ่นเพียง 200 คันเท่านั้น

หากตัดสินใจช้า เดี๋ยวจะอดขับรถเท่ๆ ระดับตำนาน ไม่รู้ด้วยนะ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน