รับข้อเสนอตรึงค่าโดยสาร10ปี-เปิดให้บริการปี69
‘บีอีเอ็ม-ช.การช่าง’ ยันชนะประมูลสายสีส้มโปร่งใส พร้อม ตรึงค่าโดยสารยาว 10 ปี หลังลงนามเดินหน้าเริ่มงานทันที มั่นใจเปิดให้บริการได้ปี’69
นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีเคเปิดเผยว่า การเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร (ก.ม.) นั้น ทำตามกฎกติกาการแข่งขันที่รัฐบาลกำหนด ที่ระบุว่าผู้ชนะต้องสร้างและเดินรถ โดยให้ผู้ร่วมประมูลเสนอค่าก่อสร้าง
ส่วนวิธีการสร้างจะใช้วิธีใดให้เสนอมา ซึ่งในเงื่อนไขในการประมูล (ทีโออาร์) ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำหนดไว้ไม่มีความผิดปกติ ให้หาผู้เดินรถ หรือโอเปอเรเตอร์ ซึ่งเปิดกว้างให้หลายที่ทั่วโลก ส่วนผู้ก่อสร้าง ให้หาผู้ก่อสร้างมาร่วมกับผู้เดินรถ ซึ่งคุณสมบัติต้องมีผลงานก่อสร้างสถานีทั้งใต้ดิน ลอยฟ้า การขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินที่ไม่ใช่เพียงอุโมงค์รถไฟฟ้า และการก่อสร้างรางรถไฟ
โดยทีโออาร์ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นเอกชนรายเดียว จึงจะสามารถเข้าร่วมการประมูลได้ ซึ่งในส่วนของ ช.การช่าง ทำได้ครบตามคุณสมบัติเพราะเราดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี จึงเป็นเหตุผลที่ช.การช่างร่วมกับบีอีเอ็มแค่รายเดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
นายพงษ์สฤษดิ์ กล่าวว่าส่วนที่บริษัทเสนอขอเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ค่าก่อสร้าง 9 หมื่นล้านบาท และเสนอส่วนแบ่งรายได้ค่าเดินรถให้รัฐบาล 1 หมื่นล้านบาท ต่อรองลดลงอยู่ที่ 7.8 หมื่นล้านบาทนั้น
เนื่องจากคาดว่าช่วงแรกจะมีผู้ใช้บริการ 2 แสนคนต่อวัน รายได้แทบไม่เหลือ เมื่อผลการประมูลออกมา บริษัทเป็นผู้ชนะ รัฐบาลได้เรียกไปต่อรองเพิ่ม 2 ประเด็น คือ 1.เรื่องอัตราค่าโดยสารซึ่งรัฐบาลเสนอให้ตรึงราคา10 ปีแรก เท่ากับราคาสายสีน้ำเงิน หรือเริ่มต้นที่ 17-42 บาท
และ 2.ขอให้รับภาระค่าดูแลรักษา ส่วนตะวันออกที่กำลังจะก่อสร้าง ภายหลังจากที่ รฟม. ตรวจรับมอบงานก่อสร้างส่วนตะวันออก และส่งมอบพื้นที่ให้กับบีอีเอ็ม ประมาณ 50 ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้บีอีเอ็มรับทั้ง 2 ข้อตกลงหากได้ลงนามสัญญาก็พร้อมเร่ิมทำงานทันทีตั้งเป้าที่จะเปิดเดินรถปี 2569โดยจะเปิดส่วนตะวันออกก่อนในปี 2572 จะเปิดครบทั้งสายตะวันออก และตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ
