นอกจากเป็นซุปตาร์ในวงการเพลงลูกทุ่งแล้ว ล่าสุดลูกทุ่งอารมณ์ดี ‘เบิ้ล ปทุมราช’ ขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัวในละคร “เพลงรัก รอยแค้น” ทางช่อง 8 ของผู้จัด ‘ต่าย นัฐฐพนท์’

วันนี้ได้คุยกับเจ้าตัวที่แอบกดดันเล็กๆ กับบทบาทใหม่ที่ได้รับ

■ เป็นพระเอกเต็มตัวในละคร เพลงรัก รอยแค้น
เบิ้ล – “เป็นละครเรื่องแรกในชีวิตเลยครับ จากที่เป็นนักร้องมาเกือบ 7-8 ปี ก็เป็นละครที่ลงเต็มที่ แรกๆ ผมกดดันมากนะครับ ที่ได้รับบทบาทได้เป็นพระเอกเต็มตัว ผมไม่เคยเป็นพระเอกเต็มที่จริงๆ ที่ผ่านมาก็เล่นเอ็มวี หรือภาพยนตร์”

■ ตอนแรกถึงขั้นจะถอนตัว?
เบิ้ล – “ทีแรกเบือนหน้าหาพี่ต่าย ไม่กล้ามาถ่ายแล้ว ผมกลัวว่าจะทำไม่ได้ ผมว่าผมยังไม่เก่งการพูด และติดสำเนียงอีสาน ผมกลัวจะไม่ตรงกับสเป๊กของละคร และเรื่องของเวลา กลัวว่าเราไปคอนเสิร์ต กลัวว่าจะให้พลังกับตัวเองกับกองถ่ายไม่เต็มที่”

■ ปรับตัวยังไง?
เบิ้ล – “พี่ที่กองบอกว่าเรื่องสำเนียง เรื่องภาษาไม่ต้องห่วงเลย ก็พูดกลางนี่แหละ น่ารักดี ไม่มีอะไรผิดหรอก และเรื่องนี้มันมีเพลงเข้ามา ผมเชื่อในเพลงอยู่แล้ว พอได้ร้องเพลง 6-7 เพลงในละคร ก็ทำให้เรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เป็นธรรมชาติมากๆ ก็รู้สึกได้ว่ามันก็ไม่ได้ยากนะเพียงแค่เราทำความเข้าใจ”

“สำหรับคาแร็กเตอร์ ปกรณ์เป็นผู้ชายที่รักในเสียงเพลงมาก สามารถอธิบายอารมณ์ ตรงหน้าได้ด้วยเสียงเพลง ด้วยการแต่งเพลงสดในแต่ละซีน ที่ดราม่าทั้งความรักที่มีต่อครอบครัว รวมถึงตัวของนางเอกด้วยครับ และเป็นคนที่กตัญญูมาก ในบทของผมจะมีคุณพ่อคุณแม่พี่ชาย เรื่องนี้ไม่ไกลตัวจะเป็นเรื่องของเพลง แต่เรื่องไกลตัวจะเป็นซีนดราม่า ต้องลดความคอมเมดี้ลงมา ส่วนการร้องไห้จะต้องร้องเองจากความรู้สึกจริง ไม่มีใช้น้ำตาเทียมเลย”








Advertisement

■ เค้นอารมณ์ยังไงบ้าง?
เบิ้ล – “ส่วนใหญ่ทำความเข้าใจจากบท และเชื่อว่าผมเป็นปกรณ์จริงๆ เชื่อว่าเรามีพ่อที่เป็นอัมพาตนอนติดเตียง เชื่อว่าเรื่องราวที่เราต้องทนทุกข์ทรมานจากเวรกรรมในช่วงวัยรุ่น ทั้งเรื่องความรักการโดนกีดกัน ก็ทำให้เราเชื่อว่าเรามีปม โดนไล่ออกจากบ้านแบบนี้ ผมก็เลยเข้าใจ และสงสารตัวเอง เพราะเชื่อว่าตัวเองคือปกรณ์ ก็ดึงเอาปมในละครนี่แหละครับ”

■ ความยากของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน?
เบิ้ล – “ผมต้องสานต่อตระกูลของพ่อแม่ทั้ง 2 ฝั่ง มันไม่ได้แค่สานต่อในจอนะ ผมต้องสานต่อในชีวิตจริงด้วย คนที่แสดงเป็นพ่อแม่ผม เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ แอ๊กติ้งนี่ไม่ต้องพูดถึง 5-4-3-2 เขาเล่นได้เลย เขา พร้อมตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ต้องแบกไว้ว่า ต้องทำให้ดีให้ไปกับพวกพี่ๆ เขาให้ได้ ต้องไม่ทำให้พี่ๆ รู้สึกว่าเรา เป็นตัวถ่วงหรือเปล่า แต่พอได้อยู่กับพี่ๆ เขาผมคิดได้เลยว่า พี่เขาส่งให้ผมเยอะมากทั้งซีนร้องไห้ ทั้งการส่งสายตา หรือแม้กระทั่งการรับเท้าจากพี่เคลลี่ก็มหัศจรรย์ดีครับ ผมมาถึงจุดนี้ได้ไง”

■ ประกบนางเอก ใบหม่อนในเรื่องนี้?
เบิ้ล – “เป็นเด็กที่เก่ง เป็นนิวเจนของช่อง 8 น้องผ่านการประกวดหลายเวทีนะ ก่อนมาเป็นนักแสดง เป็นเด็กเก่งนะ ไม่หยุดที่จะพัฒนาเลย ผมเห็นการพัฒนาของน้องที่มากขึ้นเรื่อยๆ ครับ”

■ ลงไอจีว่ามือแหกด้วย?
เบิ้ล – “เป็นซีนที่ปะทะคารมกับพี่เคลลี่ ผมไม่สู้กลับ ในบทผมใช้ความดีสู้ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ก็เลยหมั่นไส้ตัวเองว่าทำไมเป็นคนแบบนี้ทำไมถึงไม่สู้วะ ทำไมไม่แสดงออกมากกว่านี้ เป็นเด็กยอมตลอดก็เลยหมั่นไส้ ซัดไปซะมีสังกะสีกับไม้ผมเลือกซัดไม้ มือแตกเลย เลือดสาด ผมตั้งใจครับ คือมันตามอารมณ์ตอนนั้น ในบทไม่มีให้ต่อยนะครับ ไม่รู้กล้องเก็บทันหรือเปล่าครับ (ไม่นับเป็นอุบัติเหตุ?) ไม่ครับ ผมตั้งใจครับ”

■ เห็นผลงานตัวเองครั้งแรกผ่านมอนิเตอร์เป็นยังไงบ้าง?
เบิ้ล – “2-3 คิวแรกตกใจเลยครับ ว่าทำไมผมหล่อขนาดนี้ ตอนแรกไม่เชื่อว่าจะออกหน้าจอได้ มีคนเคยบอกว่าเวลาออกจอจะบวมถ้าเราอ้วนนะ ผมก็ยอมรับว่าผมลดหุ่นคุมน้ำหนักเยอะด้วย แต่ตอนนี้ก็เริ่มบวมขึ้นแล้วเนี่ย แต่ตอนนั้นดูก็ได้นะ พอมันผ่านเรื่องที่เรากังวลๆ ไป แล้วก็ความเชื่อของตัวละคร แรกๆ ก็คิดไงว่าใช่หรือวะ แต่พอดู เออก็ได้อยู่นะ ก็พยายามกลับไปฝึกและพัฒนาต่อที่บ้านนะ”

■ การแสดงดราม่า ไม่กังวลเลยเหรอ?
เบิ้ล – “เชื่อไหมผมเป็นคนตลกมากนะ แต่พอเป็นซีนดราม่าผมกลับทำได้ดีกว่าซีนวาไรตี้อีก จริงๆ กลายเป็นซีนที่ถนัดไปเลย ผมไม่เคยใช้น้ำตาเทียมเลยนะ”

■ ก้าวข้ามความกลัวได้แล้ว?
เบิ้ล – “ตอนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ จนตอนนี้ละครรออีก 3 เรื่อง ทั้งเป็นผู้จัดเองและรับแสดงด้วยครับ”

■ คนรอบข้างแสดงความคิดเห็นยังไงบ้าง มารับละครเป็นพระเอก?
เบิ้ล – “พ่อแม่ผมเขาดีใจนะ แต่ผมรับรู้ได้ว่าเขาเชื่อว่าผมทำได้ ผมเป็นนักร้อง มาเป็นผู้จัดภาพยนตร์ แต่งเพลง เขียนเพลง เขาก็ไปดู เขาก็เลยมีความเชื่อ แต่อย่าลืมนะครับว่าปัจจุบันนี้จะมีละครให้คนในหมู่บ้านได้ดูลูกหลานเล่น (หัวเราะ) คนในหมู่บ้านเขาก็ตื่นเต้นกันครับ”

■ บางคนในสังกัด นักร้องเขาได้เป็นดาราด้วย เราถูกดองไม่ถูกดันหรือเปล่า?
เบิ้ล – “จริงๆ ผมว่าผมไม่พร้อมเองด้วยซ้ำที่ผ่านมาผมก็รับแต่ภาพยนตร์ เอ็มวี เพราะใช้คิวน้อย แล้วตอนนั้นไม่เชื่อว่าทำได้ ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมอยากเล่นละคร ไม่เคยนะ หรือถึงมีเข้ามาผมก็อาจจะไม่เล่น แต่ด้วย 2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ด้วยศัลยกรรม การเป็นทหาร การได้ดูแลหุ่น และประสบการณ์ต่างๆ มันทำให้พร้อมทุกอย่าง พร้อมทั้งใจ หน้าตา ไม่ได้ชมว่าตัวเองหล่อขึ้นเยอะนะครับ แค่บอกว่าหน้าตามาทางละครได้แล้ว ได้ทำหน้าทำตาทำฟัน แก้จมูก แล้วมันอยู่ในกล้องแล้วขึ้นกล้อง เขาเลยมาถามว่าเล่นละครไหม”

■ อยู่ตรงนี้ต้องระวังกับคำชื่นชม?
เบิ้ล – “กับคำชมผมมองไว้ 2 มุม ว่าเราจะอยู่กับ คำชมโดยมีความสุข หรือเราจะไม่รู้ว่าเขาชมจริงหรือชมปลอม หรือแกล้งชมเราให้อยู่รอดตรงนั้น ที่เรียกว่าอยู่เป็นเนอะ อันนั้นคือเรามีความสุขกับมันก่อน ส่วนอีกแบบหนึ่งคือถ้าเราพลาดไปกับคำเหลิง คำชมเราจะกลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในอนาคตไม่ได้ เราจะรู้สึกว่าเราขาดตลอด จากคำชมตลอดเวลา บางทีเราก็ควรจะได้รับ คำติบ้าง แต่ไม่ใช่คำดูถูกนะ เพราะคำว่าดูถูกมันจะเป็นสิ่งที่เขาเตรียมใจมาดูถูก ดูหมิ่น โดยไม่ได้มองต้นสายปลายเหตุอยู่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเอา คำดูถูกมาเป็นแรงผลักดัน คำดูถูกมันเป็นคำที่ทำให้เรารู้สึกเฟล เราจะไม่ไปวุ่นวายกับมันเด็ดขาด ส่วนคำติผมจะเก็บไว้เลย มันทำให้ผมสามารถแก้ไขส่วนบกพร่องหรือสิ่งที่ผมหายไปได้ แต่คำชมผมจะมีความสุขไปด้วย และระมัดระวังไปด้วยครับ”

■ ที่ผ่านมาเคยเลี้ยวๆ ไปในทางเหลิง ใช่ไหม?
เบิ้ล – “ผมว่ามีทุกคนนะ คำโบราณหรือว่าคำสอนยังใช้ได้ปกติคือเรื่องของเวลาและประสบการณ์ที่จะต้องเจอเอง ถ้าเราไม่เจออาจจะเป็นคนที่เหลิงอยู่ตรงนั้น ก็ต้องเจอเองว่ามีสิ่งที่แยงเข้าตาอยู่”

■ มีคนเข้ามาเตือนเราไหม?
เบิ้ล – “ไม่ถึงกับมีคนมาเตือน แต่รับรู้ได้ประปรายจากคนรอบข้าง ผมปะติดปะต่อได้ว่าเราควรปรับปรุงตัวเอง แต่ผมเจอ ค่อนข้างน้อยนะครับในเรื่องนี้ ผมเป็นคนตลก ไม่ค่อยดราม่ากับใครมากด้วย แต่บางคนไม่รู้จักนิสัยก็อาจจะมองว่าเราแรงก็ได้”

■ ฝากผลงานละคร
เบิ้ล – “ผมก็ขอฝากละครเพลงรัก รอยแค้น ด้วยครับ ออกอากาศทางช่อง 8 หมายเลข 27 และก็จะมีเพลงเพราะๆ มีซีนดราม่ามากมายให้ชม ยังไงก็ อย่าลืมเปิดหน้าจอรอด้วยนะครับ สามารถชมย้อนหลังได้ที่ทรูไอดีครับ”

พลเทพ สารภิรมย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน