ปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 หรือเรียกรวมว่าปัญหามลพิษทางอากาศ ได้ขยายตัวเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ

หลายจังหวัดค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 พุ่งสูงเกินกว่ามาตรฐาน ตามที่องค์การอนามัยโลกขีดเส้นไว้ไม่ควรเกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ใน 24 ชั่วโมง ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทย กำหนดว่าไม่ควรเกิน 50 ไมโครกรัม

บางจังหวัด เช่น เชียงราย ความเข้มข้นฝุ่นพิษ พุ่งทะลุเกินมาตรฐานกรมควบคุมมลพิษ มากกว่า 9 เท่า เมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกอย่าง จ.เชียงใหม่ ถูกจัดอันดับเป็นเมืองคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ต่อเนื่องหลายวันในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พะเยา แม่ฮ่องสอน จมอยู่ในหมอกควันมืดมิดทั้งเมือง รวมถึง น่าน และลำพูน

ที่น่าห่วงคือปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศแล้วกว่า 1.7 ล้านราย

สิ่งบ่งชี้สถานการณ์ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กำลังเป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนรุนแรง มากขึ้น

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลเฝ้าระวังโรคเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ระหว่าง 1 มกราคม ถึง 19 มีนาคม พบผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 1,730,976 ราย

เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 228,870 ราย กลุ่มโรคพบสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับข้อมูลเมื่อ 24 มกราคม ซึ่งพบผู้ป่วยด้วยโรคเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 212,674 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 96,109 ราย ก็จะเห็นถึงสัญญาณปัญหาบานปลายตั้งแต่ตอนนั้น

ปัจจุบันยอดผู้ป่วยเพิ่มเป็นกว่า 1.7 ล้านราย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ไปจนกว่าปัญหาจะยุติ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่

ต้นเหตุใหญ่ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 คือการเผาพื้นที่เตรียมทำการเกษตรและไฟป่า

ส่วนความล้มเหลวของรัฐในการแก้ปัญหามีข้อจำกัดและจุดอ่อน เช่น ขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเพียงระยะสั้นๆ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็สลายตัว ทำให้ขาดการศึกษาติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ท้องถิ่นขาดงบประมาณ ไม่มีแผนบูรณาการระหว่างหน่วยงานในท้องถิ่น ส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

สิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากคณะผู้บริหารประเทศ ถึงจะเป็นแค่คณะรักษาการ คือความกระตือรือร้นในการแก้ไขวิกฤต ประชุมสั่งการแล้วต้องติดตาม ประเมินผลใกล้ชิด เปิดเผยข้อมูลต่อสังคมอย่างชัดเจนโปร่งใส ตรงไปตรงมา

จะห่วงเรื่องการท่องเที่ยวก็ได้ ห่วงเรื่องแพ้ชนะเลือกตั้งก็ไม่ผิด แต่ก็ต้องห่วงชีวิตความเป็นอยู่ ความเป็นความตายของประชาชนด้วยเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน