ระดมทูตพาณิชย์ทั่วโลกหารือด่วนจี๋ พ.ค.นี้ เร่งแก้เกมส่งออกทรุด-ลุ้นเข้าเป้าหมายปีนี้ 1-2% ห่วงมาตรการกีดกันทางการค้าซ้ำเติม

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกไทยช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะยังคง ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกปี 2566 ที่น่าจะหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขยายตัวถึง 14.7% เพราะคู่ค้าหลักยังมีปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง

ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีการส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงตามราคาพลังงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่คลี่คลาย นอกจากนี้ แรงหนุนจากการยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์และการฟื้นตัวด้านการผลิตของจีน และการฟื้นตัว ภาคท่องเที่ยวจะช่วยหนุนอุปสงค์ประเทศคู่ค้าได้

สำหรับกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะช่วยผลักดันการส่งออกปี 2566 คือ สินค้าเกษตรและอาหารจากกระแส ความมั่นคงทางอาหาร สินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์รักษาผิว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริม การค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ จะเชิญทูตพาณิชย์จาก ทั่วโลกมาประชุม ประเมินสถานการณ์และหามาตรการในการผลักดันการส่งออกไทยให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 1-2% คิดเป็นมูลค่า 289,938-292,809 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรณีธนาคารในสหรัฐล้มไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาคส่งออกไทย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่เกี่ยวกับธุรกิจคริปโตไม่ใช่ธุรกิจการค้า โดยปัญหาการส่งออกที่น่ากลัวขณะนี้คือการออกมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา และอียูซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทย โดยเฉพาะระเบียบการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของอียู จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย 7 รายการ และสินค้าปลายน้ำบางรายการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน