ผ่าน 9 ปี นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวบ้านชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายตัวไปปริศนาเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557

ก่อนหายตัวไปนายพอละจีถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว พร้อมกับรถจักรยานยนต์ และน้ำผึ้งป่าจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่กล่าวหาครอบครองน้ำผึ้งป่า

จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งวิทยุไปยังหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น ก่อนรีบเดินทางมาพบนายพอละจี ซึ่งมีพยานรู้เห็นจำนวนหนึ่ง ในนั้นเป็นนักศึกษาฝึกงาน 2 คน

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นนายพอละจีอีกเลย ขณะที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยืนยันได้ปล่อยตัวไปแล้ว

การหายตัวไปของนายพอละจีนั้น ญาติพี่น้อง ตลอดจนชาวบ้าน และภาคประชาสังคม เชื่อมาจากสาเหตุที่นายพอละจีเป็นแกนนำรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ บุกเผาบ้าน ยุ้งฉางข้าว ไล่รื้อบังคับให้ออกจากป่าใจแผ่นดิน แก่งกระจาน

ต่อมาศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่าชาวบ้านเป็นกลุ่มคนดั้งเดิมก่อนประกาศเป็นป่าอนุรักษ์ และให้เยียวยาชดใช้ความเสียหาย แต่ก็ยังมีชาวบ้านผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่ได้การเยียวยาจากหน่วยงานรัฐ

ส่วนเรื่องคดีนายพอละจี กรมสอบสวนคดีพิเศษพบหลักฐานสำคัญเชื่อว่าถูกอุ้มฆ่า จนกระทั่งอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องอดีตหัวหน้าอุทยานฯ และพวกรวม 4 คน เป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆาตกรรม

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับฟ้องคดี และวันที่ 24 เม.ย.2566 จะเป็นการสืบพยานคดีนี้เป็นครั้งแรก

ในวาระ 9 ปี คดีนายพอละจี ทางครอบครัวและภาคประชาสังคมยังคงคาดหวังถึงความเป็นธรรม พร้อมกับมีข้อเปรียบเทียบกรณีจับกุมอธิบดีกรมอุทยานฯ คดีเรียกรับสินบน และมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ทั้งที่คดียังไม่เข้าสู่ชั้นศาล

แต่กรณีอดีตหัวหน้าอุทยาน นอกจากได้กลับเข้ารับราชการแล้ว ยังถูกแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งที่ตกเป็นจำเลยคดีอาญา อัตราโทษสูง

นอกจากคดีฆาตกรรมแล้ว ยังมีเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านบางกลอย ซึ่งเป็นปัญหาเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกินยังไม่ถูกแก้ไข

ที่สำคัญการแก้ไขและฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวบางกลอยนั้น ต้องคำนึงถึงความเป็นคนพื้นถิ่นดั้งเดิม และควรให้กลับไปอาศัยอยู่ในพื้นที่เดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน