มีละครกำลังออนแอร์อยู่พร้อมกัน ทั้ง “หมอหลวง” และ “ชายแพศยา” ซึ่งบทบาท 2 เรื่องแตกต่างชนิดช็อตฟีล หนุ่ม ‘มาสุ จรรยางค์ดีกุล’ ยังบอกเองว่าบทฉีกชนิดตัวเองยังปรับไม่ทัน

เรื่องงานละครชุก ส่วนเรื่องความรักกับนางเอกสาว ‘นาตาลี’ ปณาลี วรุณวงศ์ ก็ชุ่มชื่นหัวใจไม่แพ้กัน

◆ ใน “หมอหลวง” กดดันไหม เพราะเล่นเป็นหมอจะโดนจับตาว่าจะมีอะไรผิดพลาดไหม?
มาสุ – “เราทุกคนที่เล่นเป็นหมอ หรือนักเรียนหมอ ต้องไปเรียนเรื่องแพทย์ไทยกันมาก่อน อย่างน้อยต้องรู้ว่ายาที่หยิบจับขึ้นมามีสรรพคุณอะไร วิธีการรักษา ขนาดเรื่องท่าจับชีพจร ต้องจับให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องความกดดัน หรือกลัวว่าจะถูกจับผิดไหม ผมว่าเราเล่นไปตามบท แล้วในกองจะมีอาจารย์คมสัน คอยกำกับอยู่ด้านข้าง อีกอย่างส่วนตัวครอบครัวผม คุณพ่อ พี่สาว น้องชาย เป็นคุณหมอกันหมด เราก็เลยสัมผัสได้กับอาชีพของหมอ ทำให้ไม่รู้สึกไกลตัวมาก เแต่เรื่องความระมัดระวัง เราก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของทีมงานเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ”

◆ นอกจากเรื่องการแสดงต้องดีแล้ว หุ่นก็ต้องเป๊ะด้วย?
มาสุ – “ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้ผมต้องถอดเสื้อ ฟันดาบด้วย ก็ดีครับ ถ้าไม่ถอดเสื้อก็คงร้อนตาย (หัวเราะ) หลายคนก็สงสัยว่าเป็นหมอต้องไปฟันดาบทำไม คือถึงเราจะเป็นหมอ เวลาที่ไปสงคราม หมอที่ไปด้วยอย่างน้อยๆ ก็ต้องดูแล ตัวเองได้ด้วย ป้องกันตัวเองได้ ถ้ามีอะไรก็ต้องจับดาบขึ้นมาได้ครับ”

◆ เรตติ้งออกมาดีมาก?
มาสุ – “ดีใจหายเหนื่อย คนอินกันจริงๆ ตามดูกันจริงๆ ชื่นชมในตัวละครจริงๆ ดีใจแทน ทีมงานมากๆ เพราะนักแสดงทำงานแค่พาร์ต ด้านหน้า ผมเปรียบละครเรื่องนึงเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนของ นักแสดง คือส่วนที่โผล่พ้นน้ำ แต่งานที่ใหญ่มากๆ คืองานเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้จัด ผู้กำกับฯ ทีมงาน คนเขียนบท ทีมโปรโมตทุกอย่าง ผมดีใจแทนพวกเขา คำชื่นชมมันทำให้เขาหายเหนื่อยมาก”








Advertisement

◆ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่อง “ชายแพศยา”?
มาสุ – “ช็อตฟีลกันเลยทีเดียว เรื่อง ชายแพศยา มันต่างกันเหมือนกับผ้าขาวกับผ้าสีเลย แต่ผมไม่ได้กังวลนะ สำหรับผมงานแสดงคืองานแสดง โจทย์บางตัวละคร ต้องการเป็น บทเรียนให้กับคนดู บางคนดูแล้วอาจจะเกลียด ถ้าเราเล่นบทนั้นแล้วคนรัก จบแล้วคุณต้องทำอะไรผิดพลาดแล้ว แต่ถ้าคนดูเกลียด นั่นคือประสบความสำเร็จในมุมของเราเอง ใน ชายแพศยา มันสุดจริงๆ มันดำดิ่งไปในด้านมืด ดาร์กมาก เลิฟซีนดุเดือดมาก เลิฟซีนเยอะมาก พูดไม่ถูกเลย เพราะมันฉีกจนตัวผมเองยังปรับตัวไม่ทันเลย”

◆ แล้วต่อจากนี้มีอีกไหม?
มาสุ – “มีครับ กำลังเตรียมงานกันอยู่ ตอนนี้ที่คุยกันไว้ 1 เรื่อง (ส่วนใหญ่เราจะถ่ายพร้อมกัน 2 เรื่องตลอด?) ส่วนใหญ่จะคาบเกี่ยว ปีนึงก็จะได้เห็นละครของผมประมาณ 1-2 เรื่อง”

◆ สัญญากับช่อง 3 กี่ปีแล้ว?
มาสุ – “อยู่กับช่องยาวๆ เลยครับ เป็นนักเรียนช่อง ไม่มีจบ อยู่มาตั้งแต่เป็นนักเรียนการแสดง สำหรับตัวผมโตมากับช่องจริงๆ ถึงวันนี้ 7 ปีกำลังจะขึ้น 8 ปีแล้วครับ เหมือนบ้านแล้ว”

◆ 7 ปีแล้ว เราได้เห็นพัฒนาการอะไรในตัวเองบ้าง?
มาสุ – “ได้รับบทที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปตามอายุงาน บทที่ผู้ใหญ่ให้มา เป็นบทที่ยากขึ้น ให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆ งานที่ท้าทายมากขึ้น ผมเห็นตัวผมที่โตขึ้นเรื่อยๆ เวลาเราย้อนกลับไปดูละครที่เคยเล่นมันก็จะขำ เราดูเด็กจังเลย เราเล่นซีนอย่างนั้นไปได้อย่างไร ถ้าย้อนกลับไปเราจะทำได้ดีกว่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องของความเข้าใจ บางทีด้วยวัยวุฒิ ตอนที่ อายุ 18-19 ปี แล้วต้องเล่นเป็นคนทำงาน มันจะมีบางอย่าง ในสายตาของเราที่มีความไม่เข้าใจ แต่ถ้าเล่น วัยนี้ในบทนั้น เราจะเข้าใจแล้วเราจะเล่นไปอีกแบบ”

◆ ความรักเป็นอย่างไรบ้าง?
มาสุ – “แฮปปี้ครับ จะ 5 ปีแล้ว คู่เราธรรมดาที่สุดแล้ว ผมใช้ชีวิตนอกจอกับในจอปกติมากๆ ทำงานเยอะ แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ละครถ่ายรัวก็จริง เวลาพักก็พักยาวจริง เวลาก็บาลานซ์อยู่ครับ ตัวเขาเองก็งานแน่นเหมือนกัน แต่เราก็เจอได้ปกติ มีไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็น เจอกันสบายๆ เลยครับ ไม่ได้รู้สึกว่าเจอกันน้อยเลย”

◆ มีวางแผนอนาคตร่วมกันหรือยังเพราะคบกันมาจะ 5 ปีแล้ว?
มาสุ – “ยังไม่ถึงขั้นพูดคุยกันขนาดนั้น รู้สึกว่ามันเป็นสเตตัสที่มั่นคง ในแง่ที่ว่าไม่มีปัญหากัน ไม่ทะเลาะกันเลย เข้าใจกัน อาจเพราะว่าโตมาด้วยกัน บ้านก็ไม่ได้ห่างกันมาก เรียนก็เรียนที่เดียวกันมาครับ มันมีเวลาที่เราได้จูนกัน ทำให้เราไม่ต้องปรับอะไรกันมาก”

“ผมโตกว่าเขาประมาณ 4 ปี ถ้าเป็นจิ๊กซอว์คู่เราก็เป็นจิ๊กซอว์ที่พอดีๆ ผมก็ไม่ต้องปรับอะไรมาก เขาเองก็ไม่ต้องปรับอะไรมาก เราก็อยู่กันแบบไม่ได้มีการวางแผน คนนี้ก็มั่นใจครับ ผมทำอะไรจะมั่นใจทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องความรัก”

อนงค์ จันทร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน