ขณะที่เรากำลังอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของระบอบประชาธิปไตย คือการคืนอำนาจไปสู่มือประชาชน ให้เป็นผู้ตัดสินอนาคตประเทศชาติ ดังนั้นความเป็นไปในทางการเมืองช่วงระยะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งต้องปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจกันเอง
ไม่ใช่นักร้อง ไม่ใช่องค์กรต่างๆ มาเป็นผู้ตัดสินแทนประชาชน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ประชานิยมสุดๆ
จะประชานิยมที่ดี หรือประชานิยมที่เลื่อนลอยเลวร้าย ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ใครไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคไหน หรือมองเห็น จุดอ่อนของนโยบายประชานิยมสุดๆ ก็ต้องช่วยกันนำเสนอข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ประกอบการตัดสินใจ
แต่ไม่ใช่ไปตัดสินใจแทนประชาชน!!
นอกจากนี้ อย่าได้ดูถูกประชาชนว่า คิดไม่เท่าทันนัก การเมือง ปล่อยให้ประชาชนไปคิดกันเองไม่ได้ กลัวหลงใหลไปกับประชานิยม จนนำไปสู่การตัดสินใจเลือกตั้งกันผิดๆ
ถ้ากลัวประชาชนไม่ได้ข้อมูลรอบด้านเพียงพอ ก็ต้องช่วยกันนำเสนอให้ได้รับรู้ๆมาก เพื่อนำไปคิดวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจ
แต่ไม่ใช่ดูหมิ่นคนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แล้วไปตัดสินใจแทนเขา
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ประชาธิปไตย และสิทธิการตัดสินใจของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง จะไม่พัฒนาก้าวไปข้างหน้า
ไม่ต่างจากวิธีรัฐประหาร ที่อ้างว่านักการเมืองโกงกินจนต้องเอารถถังออกมายึดอำนาจ ก็คือการล้มประชาธิปไตย แล้วต้องถอยหลังกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่!
แทนที่เห็นว่านักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ควรช่วยกันเปิดโปงป่าวประจานให้ประชาชนได้เห็น
แล้วให้ประชาชนไปลงโทษในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นี่แหละคือทำให้การเมืองไทยพัฒนาก้าวหน้า ประชาชนยกระดับคุณภาพในการตัดสินใจทาง การเมืองมากขึ้น
นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในขณะนี้ จะโจมตีกันเช่นไร ว่าประชานิยมกันขนาดไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เติม 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ที่กำลังร้อนแรง!!
ถ้าไม่ชอบไม่เห็นด้วย ก็นำข้อมูลออกมานำเสนอ
ไม่ใช่ไปยื่นร้อง ไม่ใช่ให้องค์กรอะไรก็ไม่รู้ มาตัดสินใจแทนประชาชนหลายสิบล้านคน
นี่แหละ คือเหตุที่ประชาธิปไตยไม่พัฒนาก้าวหน้า การเมืองไทยขัดแย้งแตกแยกไม่สิ้นสุด!?
ก็เพราะพฤติกรรมของพวกคิดว่าตัวเองเหนือกว่าประชาชน ตัดสินใจแทนประชาชน
ไม่ว่าจะด้วยการรัฐประหาร ไม่ว่าจะด้วยการยื่นร้อง ไม่ว่าจะด้วยการใช้อำนาจขององค์กรอิสระต่างๆ!!
วงค์ ตาวัน
