น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า สมาคมการค้ายาสูบไทยรับทราบถึงสถานการณ์บุหรี่เถื่อนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้และ การซื้อขายบนโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสูงกว่า 97% ซึ่งสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายเพิ่มจาก 6.2% ในปี 2563 เป็น 10.3% ในปี 2564 สูงสุดในรอบ 10 ปี ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี และร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายต้องขาดรายได้และกำไรหายไปกว่า 50% ต่อเดือน

ทั้งนี้ เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข การขายบุหรี่มีต้นทุนสูงเนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสำหรับการสต๊อกสินค้า ขณะที่กำไรจากการขายบุหรี่ได้เพียงซองละ 3-4 บาทเท่านั้น แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเงินหมุนเวียนในระดับชุมชนเพราะมีร้านค้ากว่า 500,000 รายทั่วประเทศที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับมหภาค การที่ปัญหา บุหรี่เถื่อนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากจะกระทบกับรายได้ของร้านค้าแล้ว ยังทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีบุหรี่ได้น้อยลง

“สมาคมไม่ได้นิ่งนอนใจและมุ่งมั่นดำเนินงานในการประสานความร่วมมือเสมอมา โดยปี 2565 สมาคมส่งหนังสือไปยังภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามบุหรี่เถื่อน แม้หน่วยงานภาครัฐจะเพิ่มความพยายามในการจับกุม แต่ปัญหาก็ยังคงรุนแรง ปีนี้สมาคมเร่งผลักดันและเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังสู้ศึกเลือกตั้งในขณะนี้นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการระบาด ของบุหรี่เถื่อนที่มีต่อร้านค้าระดับชุมชน กระตุ้นให้เกิดนโยบายที่เป็นรูปธรรมในการจับกุมปราบปราม ขจัดปัญหาคอร์รัปชั่นในพื้นที่”

สมาคมและสมาชิกร้านโชห่วยกว่า 1 พันราย ติดตามนโยบายพรรค ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกิจขนาดเล็ก และเศรษฐกิจท้องถิ่น อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจในการเลือกตั้ง 2566 แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับ การปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย อาทิ ปราบปรามบุหรี่เถื่อน บุหรี่หนีภาษี รวมถึงเหล้าหนีภาษี สมาคมจึงเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐและพรรคการเมืองแสดงความชัดเจนเพื่อช่วยเหลือร้านค้าอย่างเร่งด่วน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน