มีโอกาสพบหน้า โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ไม่รอช้า อัพเดตนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่อดีตนายใหญ่จากแดนปลาดิบมาประกาศก้องที่บ้านเราเมื่อปลายปีที่แล้วว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

● แนวทางการดำเนินนโยบาย
ทุกอย่างเดินหน้าไปตามแผนงานที่วางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขณะนี้เน้นทำ ความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของ ค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ประเด็นที่สำคัญที่สุดในการมุ่งสู่ความเป็น กลางทางคาร์บอนต้องมีโซลูชั่น รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางออกหนึ่ง แต่ยังมีพลังงานอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ปล่อยมลพิษเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลไทยสนับสนุนพลังงานอื่นๆ ที่นำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย ในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังมี หลากหลายประเภท ตั้งแต่รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รถยนต์แบบฟิวเซล ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ที่ผ่านมาโตโยต้ามีความพร้อมในการผลิตได้ครอบคลุมรถยนต์พลังงานต่างๆ แต่ที่ให้ น้ำหนักและความสำคัญอย่างมากในเวลานี้คือการเจรจากับทุกหน่วยงานเพื่อให้เข้าใจถึงการประสิทธิภาพ และประโยชน์ ของการใช้พลังงานไฮโดรเจน

และระหว่างที่เจรจาอยู่ก็พร้อมศึกษาความต้องการของตลาด ศึกษาการทำตลาดว่าควรเป็นรูปแบบใด หรือทำอย่างไร รวมถึงความเหมาะสมในการใช้งานกับลูกค้ากลุ่มไหน เซ็กเมนต์ใดด้วย

● ประเทศไทยควรมีทางเลือกด้านพลังงาน
การลดคาร์บอนเป็นเรื่องอีกยาวนาน เทคโนโลยีใดที่ช่วยให้มุ่งสู่ความเป็น กลางทางการคาร์บอนได้และเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้นเร็วๆ นี้จะให้ความสำคัญ พร้อมทั้งสนับสนุนรถยนต์พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น ซึ่งโตโยต้าพร้อมที่จะสร้างรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เหมาะสมกับพฤติกรรม และความต้องการของคนไทยได้มากที่สุด

● เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่
ในปีนี้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอีก 4 รุ่น นอกจากจะเป็นรถยนต์ที่ช่วยลดมลพิษแล้ว ยังไม่ต้องอาศัยสาธารณูปโภคอะไรเพิ่มเติม ลูกค้าไม่ต้องปรับพฤติกรรมการใช้งานแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาโตโยต้าเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดตั้งแต่ปี 2552 มียอดจำหน่ายรวมกว่า 160,000 คัน หากไม่มีรถยนต์ในกลุ่มนี้มลพิษจะเพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่อย่างมาก

ส่วนรถปิกอัพ ไฮลักซ์ BEV นั้น อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อผลิต และเปิดตัวทำตลาดในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นช่วงเวลาใด แน่นอนว่าตลาดรถปิกอัพเป็นตลาดที่สำคัญ มีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 50% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ซึ่งโตโยต้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ขณะที่รถเจแปน แท็กซี่ ที่ได้นำมาโชว์นั้น คาดหวังว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ เพราะเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานก๊าซแอลพีจี และเทคโนโลยี ไฮบริด แต่สำหรับประเทศไทย การจะนำมาเป็นรถแท็กซี่ยังติดในเรื่องของกฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ขนาดเครื่องยนต์ที่ต้องมีขนาด 1.6 ลิตร รวมถึงมิติรถ ซึ่งคงต้องมีการเจรจากับ เจ้าหน้าที่รัฐถึงประเด็นนี้ต่อไป

หวังว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลง จะทำ ให้เป็นหนึ่งทางเลือกของรถแท็กซี่ในประเทศไทยในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน