สรุปแบบห้วนสั้น จากเวทีวิเคราะห์ผลโพลเลือกตั้ง 66 มติชน-เดลินิวส์
อ.จ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ จากคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต มองว่า ผลโพลสะท้อนคนเมืองไม่เอาการสืบทอดอำนาจ พรรครัฐบาลคะแนนตกมาก เหมือนบอกว่า “กูไม่เอามึง” อัดอั้น ต้องการออกจากรัฐประหาร
คะแนนพิธา แพทองธาร เศรษฐา รวมกันร้อยละ 85 ฉากทัศน์ที่เห็นคือ คนไม่เอารัฐบาลเดิม
หากฝืนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะ ยิ่งย่ำแย่ โพลร้อยละ 82.5 ไม่ให้ ส.ว.โหวตตามใจตัวเอง ต้องการให้พรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาล หากประชาชนถูกข้ามหัว จะเกิดความโกรธที่ประเมินไม่ได้ว่ารุนแรงแค่ไหน
ถ้ายุบก้าวไกลบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ หากจะทำรัฐประหารก็ต่อเมื่อหมดเครื่องมือคือ ส.ว.ที่ค้ำจุนรัฐบาล
เพื่อไทยและก้าวไกลต้องเปลี่ยนสโลแกนเป็น “ร่วมกันแลนด์สไลด์” เลือกก้าวไกลคือ ต่อต้านรัฐประหาร เลือกเพื่อไทยคือ ต้องการอยู่ดีกินดี
การซื้อเสียง เหมือนไพ่ใบสุดท้าย การจ่ายจึงเยอะมาก บ้านใหญ่ต้องรักษาที่นั่ง ส.ส.เขตไว้ให้ได้
ด้าน อ.จ.ประจักษ์ ก้องกีรติ จากรัฐศาสตร์ มธ. วิเคราะห์ว่า ทุกโพลออกมาในทิศทางเดียวกัน พรรคฝ่ายค้านได้ร้อยละ 70 ของ มติชนกับเดลินิวส์ได้ถึงร้อยละ 83
Advertisement
ทำให้ฝ่ายรัฐบาลอยู่ในสถานะลำบาก
เพื่อไทยเก่งเขต ส่งเท่าไหร่ชนะ 50 เปอร์เซ็นต์ บวกปาร์ตี้ลิสต์ได้ 250 แน่ๆ ก้าวไกลก็แรงขึ้นมาก ปาร์ตี้ลิสต์ 30-35 กทม.อีก 10 เขต เกิน 60 ที่นั่งแน่ๆ รวมกับประชาชาติ เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย น่าจะถึง 340 ที่นั่ง
การฝืนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ใช้วิธีดึงงูเห่า ให้ ส.ว.ดันเป็นนายกฯ เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาชน จะทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก
การสร้างสถานการณ์ยุบพรรค ผลจะไม่เหมือนเดิม ถ้ายุบพรรคที่มีคนเลือกมากขนาดนี้ไม่ว่าเพื่อไทยหรือก้าวไกล จะเกิดปฏิกิริยาแน่ๆ
เมื่อมาเป็นนักการเมืองก็ต้องมีสปิริตนักการเมือง เดินหาเสียงตามกติกา แพ้ก็ต้องยอมรับ
ส่วนเรื่อง “ตาอยู่” ไม่เหมือนปี 62 ที่เพื่อไทยและอนาคตใหม่ตัดกันเอง ตอนนี้เขตตาอยู่เหลือน้อย จะมีมากก็ภาคใต้ แต่เป็นพรรครัฐบาลตัดกันเอง
โอกาสจะเกิดสถานการณ์ตาอยู่ พล.อ.ประยุทธ์กลับมา เป็นเรื่องยาก เพราะต้องได้เกิน 25 ที่นั่ง และควรได้มากที่สุดในฝั่งพรรครัฐบาลเดิม ส.ว.ก็ไม่มีเอกภาพเหมือนก่อน
เรื่องซื้อเสียง ยังมี แต่ไม่คิดว่าจะพลิกผลเลือกตั้งหรือเปลี่ยนขั้วได้
ทั้งหมดคือการวิเคราะห์ล่วงหน้า ของจริงต้องรอหลัง 14 พ.ค.เท่านั้น!
มันฯ มือเสือ
