วันที่ 13 พ.ค. เอเอฟพีรายงานการเตรียมการรับมือไซโคลนโมคาว่า ทางการบังกลาเทศอพยพประชาชนรวมถึงผู้ลี้ภัยโรฮิงยาราว 500,000 คนออกจากหลายพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชุมชน ขณะที่พายุโมคา ซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปีเคลื่อนอย่างรวดเร็วเข้าพัดถล่มทางตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศรวมถึงเมียนมา ชาติเพื่อนบ้าน

หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศระบุว่า ไซโคลนโมคากำลังลมสูงสุดที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ถูกจัดอยู่ในประเภทพายุที่มีความรุนแรงอย่างมาก คาดว่าจะทำให้ฝนตกหนักนำไปสู่น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.ในเขตค็อกซ์บาซาร์ สถานที่ตั้งค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาเกือบ 1 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในที่พักพิงที่ไม่แข็งแรง ซึ่งทำจากไม้ไผ่และสังกะสี และยังนับเป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดนับตั้งแต่ไซโคลนซิดร์ ซึ่งพัดถล่มชายฝั่งทางใต้ของบังกลาเทศในเดือนพ.ย.ปี 2550 ทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไซโคลนโมคามุ่งหน้าชายฝั่งบังกลาเทศและเมียนมาส่งผลให้สนามบินใกล้เคียงปิดให้บริการ ทางการบังกลาเทศจัดสถานที่พักพิง 1,500 แห่งรองรับ ขณะเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยพายุจะก่อให้เกิดคลื่นสูงอย่างรวดเร็วถึง 4 เมตร ซึ่งสามารถหลากท่วมชุมชนชายฝั่งและหมู่บ้านริมตลิ่ง นอกจากนี้ ทางการเตรียมอพยพประชาชนราว 8,000 คนบนเกาะเซนต์ มาร์ติน ทางใต้สุดของบังกลาเทศ หนึ่งในเขตสถานที่พักตากอากาศลำดับต้นๆ ของประเทศ เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางพายุ และในเมียนมาฝนเริ่มตกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 12 พ.ค. ในเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ถนนไร้ผู้คน เนื่องจากประชาชนจำนวนมากอยู่ในที่ พักพิงและอีกหลายคนหาที่ปลอดภัย ขณะนี้ชาวบ้านขาดแคลนเสื้อชูชีพ อีกทั้งสถานีน้ำมันปิดให้บริการทำให้ประชาชนเกิดความยากลำบากในการขับรถออกจากเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน