หากเป็นสมัยก่อนที่เมื่อคนร้ายก่อเหตุแล้วหลบหนีออกนอกประเทศ การติดตามคนร้ายก็นับว่าเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ในยุคสมัยที่การประสานงานกันระหว่างตำรวจไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความร่วมมือกันอย่างดียิ่ง จะหนีอย่างไรก็ยากจะรอดพ้น

ย้อนไปวันที่ 11 พ.ค. ที่ด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน เดินทางไปรับตัว 4 ผู้ต้องหาชายชาวไทย ประกอบด้วย นายต้อย นายพงษ์ นายมานิตย์ และนายจิรา 4 ผู้ต้องหาร่วมกันกับพวกก่อเหตุทะเลาะวิวาทแล้วใช้อาวุธปืนยิงกันหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซอยอาร์ซีเอ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อคืนส่งท้ายงานวันสงกรานต์ 17 เม.ย. โดยหลังเกิดเหตุทั้ง 4 คนหลบหนีการจับกุมไปกบดานอยู่ที่ สปป.ลาว ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ สปป.ลาวจับกุมส่งตัวกลับมาดำเนินคดียังประเทศไทย

ตม.หนองคายรับตัวผู้ต้องหา

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 00.50 น. วันที่ 17 เม.ย. ร้อยเวรสอบสวน สน.มักกะสันรับแจ้งเกิดเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาท แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่กันภายในงานสงกรานต์สถานบันเทิงชื่อดังย่านอาร์ซีเอ เบื้องต้น มีรายงานผู้บาดเจ็บและถูกลูกหลงรวม 4 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุถูกพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่สายตรวจที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ในงานรวบตัวไว้ได้จำนวนหนึ่ง ขณะที่พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนกำลังสนุกสนาน แล้วจู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทชกต่อยกันขึ้น แล้วก็ตามมาด้วยเสียงปืนดังสนั่น 4-5 นัด พร้อมเสียงร้องของคนเจ็บที่ถูกยิง และความโกลาหลวุ่นวาย

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ขณะที่นายฐิติพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่บริเวณฝ่าเท้า เผยว่า ไม่ใช่เหตุการณ์ที่อีกฝ่ายตั้งใจเข้ามายิง แต่ว่ามีปัญหาปะทะกันไปมา ตะโกนด่ากันผ่านกลุ่มตนไป แล้วก็เห็นว่าเขาชกต่อยกัน จากนั้นก็มีกลุ่มหนึ่งชักปืนออกมาแล้วยิงมากกว่า 10 นัด ซึ่งกลุ่มตนอยู่ตรงกลาง ก็รีบพากันหลบ แต่ 3 นัดสุดท้ายรู้สึกว่าใกล้มากระยะเผาขน และจังหวะคนวิ่งถอยกันมา กลุ่มตนอยู่ตรงกลางเลยหลบไม่ได้ แล้วโดนยิงดังกล่าว

“อยากพูดถึงสถานที่จัดงานว่า ระดับ RCA ควรจะมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้ ทั้งที่คนตรวจค้นก็มี ก็เลยไม่รู้ว่าเอาเข้ามาได้ยังไง ความปลอดภัยน้อย และหมดไปหลายหมื่น ความปลอดภัยน่าจะสูง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีความปลอดภัยเลย” นายฐิติพลกล่าว








Advertisement

ปฐมพยาบาลคนเจ็บ

นายฐิติพลกล่าวอีกว่า อยากฝากถึงคนที่ก่อเหตุว่า คนที่ไม่รู้เรื่อง อยากมาสนุกสนาน ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติ ชาวไทย เป็นเทศกาลสำคัญที่ห่างหายไปนาน คนที่เขาหัวร้อน ชอบมีเรื่องมีราว ไม่น่าทำในสถานที่แบบนี้ มันส่งผลเสียต่อใครหลายๆ คน

ส่วนแฟนสาวของนายฐิติพลกล่าวว่า สำหรับอาการตอนนี้ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ลูกกระสุนผ่าตัดออกมาได้แค่ลูกเดียว เพราะอีกลูกอยู่ระหว่างกลางเส้นประสาท หมอแนะนำว่าให้ผ่าออกแค่ลูกเดียว ถ้าผ่าทั้ง 2 ลูกจะส่งผลเสียมากกว่า เเรกๆ ก็น่าจะเดินลำบาก ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา

แฟนสาวผู้บาดเจ็บกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คนที่ถูกยิงที่เหลือ มีรุ่นพี่ของตนด้วย ซึ่งถูกยิง 3 นัด ต้องหยุดเดินนานถึง 3 เดือน อย่างไรก็ตาม เรื่องของคดีความ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนการติดตามคนร้าย พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 กล่าวว่า มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเบื้องต้น ทราบว่ากลุ่ม ผู้ก่อเหตุและคู่อริมีทั้งหมดประมาณ 10 คน ล้วนเป็นวัยรุ่นย่านธนบุรี และมีการจับกุมได้ในที่เกิดเหตุแล้ว 2 รายพร้อมอาวุธปืน คือ นายณัฐนนท์ หรือ หวาน อายุ 42 ปี อาวุธปืนเบเร็ตต้า และ นายณัทพล หรือ อาร์ม อายุ 19 ปี อาวุธปืนซิกซาวเวอร์ ส่วนที่เหลือทราบตัวทั้ง 2 กลุ่มแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว

ทั้งนี้จากการสอบปากคำ ทั้งคู่ให้การว่ารู้จักกัน แล้วบังเอิญมาเจอกันที่งาน จากนั้นก็มีการทักถามชื่อ เมื่อมั่นใจว่าเป็นคู่อริที่เคยเขม่นกันมาก่อน จึงมีการชกต่อยกัน ก่อนจะชักปืนแล้วยิงลงพื้นเพื่อข่มขู่อีกฝั่งจำนวนหลายนัด และวิ่งหลบหนีไปทางหลังร้าน

ต่อมาตำรวจสอบสวนจะรู้ตัวคนร้ายที่เหลือยังมี นายต้อย นายพงษ์ นายมานิตย์ และ นายจิรา จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับนายต้อย หมายที่ 1435/2566 ลงวันที่ 9 พ.ค.2566 ข้อหา “พยายามฆ่าและเข้าร่วมในการชนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่ 3 คนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชนต่อสู้นั้น”

ขอบคุณตำรวจ สปป.ลาว

ขณะที่นายพงษ์ นายจิรา นายมานิตย์ ศาลแขวงพระนครเหนือออกหมายจับที่ 266-267-268/2566 ลงวันที่ 11 พ.ค.2566 ข้อหา “เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่ 3 คนขึ้นไปและบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชนต่อสู้นั้น” ก่อนสืบทราบว่าทั้ง 4 หลบหนีข้ามมาซ่อนตัวอยู่ที่ สปป.ลาว จึงประสานทางตำรวจ สปป.ลาว จับกุมส่งตัวกลับมารับโทษได้สำเร็จดังกล่าว

นับเป็นอีกหนึ่งผลงานของตำรวจไทยภายใต้การขับเคลื่อนของ บิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี
วสันต์ ทิพย์ประโภชน์
ประภาพร ส่อนราช
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน