หลังจากที่เริ่มชิมลางงานแสดงเยอะขึ้น ลูกทุ่งสุดฮอต ‘ตรี ชัยณรงค์’ กลายเป็นขวัญใจแฟนๆ ทั้งงานเพลงและงานแสดงไปแล้ว ล่าสุดจัดคิวว่างช่วงหน้าฝนที่ต้องเพลางานคอนเสิร์ต ให้แฟนๆ ได้เห็นบทบาทการแสดงในละคร “ดอกหญ้าป่าคอนกรีต”
เดินสายคอนเสิร์ต พร้อมถ่ายละครไปพร้อมกัน ไม่ง่าย แต่ ‘ตรี ชัยณรงค์’ สู้ไม่ถอย
● คอนเสิร์ตแน่นมีเวลาเล่นละคร
ตรี – “เราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่แล้วก็ควรจะคว้าไว้ คือยังพอมีเวลาที่ทำเพิ่มได้ ละครช่วงแรกจะมีปัญหานิดนึงก่อนสิ้นปีเป็นช่วงหน้างาน จนเดือนเม.ย. แต่ละครจะพยายามไม่ขอคิวช่วงมีคอนเสิร์ต พอมาพ.ค. มิ.ย. เข้าหน้าฝน คอนเสิร์ตจะน้อยลง พอดีงานยังเข้ามาช้า เลยบอกผู้จัดการว่าให้คิวละครเถอะ ไม่งั้นเขาจะเขียนบทให้เราตาย แล้วไม่ให้เราเล่นแล้ว (หัวเราะ) โปรดให้ผมมีชีวิตอยู่ถึงตอนจบ (หัวเราะ)”
● เรื่อง ดอกหญ้าป่าคอนกรีต บทต่างจากเรื่องก่อนยังไง
ตรี – “มีความแตกต่าง การที่เรามาเล่นเป็นพี่แล้วพระเอกอยู่ในวงจรสีเทา เราห่วงน้องก็เข้าไปช่วยเหลือ เรื่องราวเข้มข้นกว่าเดิม ต่อสู้ทางอารมณ์ ร่างกาย จิตใจ เรื่องนี้หนักพอสมควร ใช้ร่างกาย สมอง จิตใจ บู๊ด้วย ดราม่าด้วย เรื่องนี้พี่โอ๊ต(คนเขียนบท)น่าจะรักผมมาก เอะอะก็วิ่งไปหาตีน โดนเตะปากแตก จะโดนแทง กะซวกไส้ เรื่องนี้มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่า เรื่องก่อนๆ อีกเหมือนกัน”
● ล่าสุดโพสต์กับรถในฝัน
ตรี – “ครับ ได้มาแล้ว เป็นฝันของเราเนอะ บางคนถามว่าทำไมซื้อทีเดียว 2 คัน มันเป็นความฝันและโอกาส ในเมื่อโอกาสมาแล้วเราทำได้ก็รีบทำ ในตอนที่เรามีกำลังทำอยู่ ถ้าเราไม่รีบเดี๋ยวจะมาเสียดายทีหลังตอนที่เราไม่มีโอกาสทำแล้ว ตอนนี้ไม่มีภาระอะไรแล้ว ทำได้ก็อยากทำ มองไว้นานแล้วอยากให้ของขวัญ รางวัลชีวิตกับค่าเหนื่อยของตัวเองตั้งแต่ทำงานมา Alphard เป็นรุ่นที่อยู่ในความฝันมาก ผมเคยได้นั่งตั้งแต่ยังเป็นตรีหัวหน้าแดนเซอร์ ตอนนั้นพาน้องๆ ไปเต้นให้กับพี่ยิ่งยง ทางฝั่งกัมพูชา แล้วทางนั้นเอา Alphard มารับเรา พอนั่งแล้วมันนุ่ม ก็เลยถามเขา บอกประมาณ 3-4 ล้าน โอ้โห สำหรับเรา แพงจัง มันติดอยู่ในใจเรา เราก็ดูวิวัฒนาการรถรุ่นนี้มาเรื่อยๆ จนวันนึงรู้สึกว่าถึงเวลาที่เราจะให้ของขวัญและรางวัลชีวิตกับตัวเองสักที เพราะภาระเราเบาลงแล้ว พอมีกำลังจะเอาเขามาเป็นของเราได้”
Advertisement
“อีกคัน Ford เป็นรถในความรัก เราปิ๊งเขาตั้งแต่โฉมก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นมีภาระก็ยังไม่มีโอกาสเอาเขามาดูแล พอเรามาเข้าวงการสายแคมปิ้ง สายลุย ตอบโจทย์เรา ขนของ ลุยได้ อีกอย่างรถส่วนตัวเราไม่มี เราเอารถ HRV ไปให้แม่ใช้ที่บ้านแล้ว มีแต่รถตู้ รถ Ford ถือว่าเอาไว้เติมความสุขให้กับชีวิต แต่ Alphard เอาไว้ทำงาน ก็ไม่ได้ซื้อสด ก็เอาเงินจากการทำงานมาดาวน์ 50% ทั้ง 2 คัน จะพยายามผ่อนให้หมดภายใน 3 ปี ช่วงนี้ทำงานหนัก ชีวิตเราอยู่บนรถ ส่วนใหญ่ ใช้คันนี้เราก็หลับ รถมันเงียบ”
● เราทำงานหนักมาตลอด ไม่ใช่การอวดรวย
ตรี – “ไม่เลย เราเป็นคนคิดมาก กลัวหลายคนมองทำไมออกทีเดียว มันเป็นจังหวะและโอกาสที่ทำได้ ถ้าเราไม่ทำตอนนี้จะไปทำตอนไหน เราไม่รู้มีชีวิตอีกกี่ปี มองจากคนใกล้ตัวเลย ไม่คิดว่าเขาจะจากเราไปยังจากเราไปได้เลย บางทีคุยกันอยู่ทุกวัน พรุ่งนี้เขาไม่มีโอกาสลืมตามาได้เลย เราก็เหมือนกัน ฉะนั้นวันนี้เรามีโอกาสได้ทำ มีลมหายใจอยู่ ทำสิเราให้คนอื่นมาเยอะแล้ว ก็อยากให้อะไรกับตัวเองบ้าง แต่เราเชื่อว่าแม่ๆ แฟนคลับน่าจะเข้าใจกับการให้รางวัลตัวเองครั้งนี้ เราทำงานทุกคนเห็นว่าเราไม่เคยไม่ทุ่มเทกับงาน ทำงานทุกวัน”
● แม่ๆ ซัพพอร์ตมาเป็นมาลัย แต่เดี๋ยวนี้แอดวานซ์มาลัยออนไลน์แล้ว
ตรี – “ตกใจนะ ไม่เคยเจอกับน้อง น้องเป็นเจ้าภาพที่เราเพิ่งได้เจอกันครั้งแรก ไม่คิดว่าเขาจะรัก ติดตาม ซัพพอร์ตเราขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ เป็นเงิน 6 หลัก มาลัยออนไลน์ เป็นคนที่เจอกันครั้งแรกแล้วให้รางวัลเลย เยอะที่สุดที่เคยได้รับมา ปกติเราจะไม่รับรางวัล แต่อันนี้คือเราทำงานเสร็จแล้ว เขาถึงให้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะให้ขนาดนี้ คิดว่า 4-5 พัน หรือหลักหมื่น ก็เยอะมากแล้ว ขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณจริงๆ เขาบอกว่าหนูตั้งใจ หนูไม่ได้ลำบาก หนูอยากให้พี่ตรีจริงๆ”
● ให้เยอะที่สุดแล้วใช่มั้ยที่เป็นมาลัยออนไลน์ ปกติโอกาสสำคัญ วันเกิด แฟนมีต
ตรี – “ใช่ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่มีโอน จะฝากช่อกันมา ถ้ามาไม่ได้ก็ฝากกันมา เพราะเราไม่รับที่โอนเข้าบัญชี นอกจากแม่คนนั้นสนิทจริงๆ เขาถึงคะยั้นคะยอว่า แม่ไม่ได้ไปลูกแต่อยากให้รางวัลหนู บางทีเราก็ให้บัญชีคนอื่น แล้วค่อยมาให้เรา เพราะเราเกรงใจคน ส่วนใหญ่ไม่เคยรับมาลัยออนไลน์ อันนี้คือวันสำคัญ วันพิเศษนะ อันนี้คือคนแรก เขาเป็นเจ้าภาพ ก็ขอบคุณเขาจริงๆ ขอบคุณที่หางานให้เราด้วย ที่รัก ซัพพอร์ตเรา เขาบอก หนูอยากให้ เตรียมเป็นของขวัญให้พี่ตรีอยู่แล้ว ก็ถามเขาว่ากดผิดมั้ย เลขศูนย์เลยรึเปล่า เขาบอก ไม่ๆ หนูตั้งใจ”
● สมกับที่เราทุ่มเททำงาน เคยมีวันที่เราท้อ
ตรี – “มันอาจจะเป็นวันที่รู้สึกว่าเราจ่ายเยอะจังเลย คงเพราะนอกจากเป็นเสาหลักแล้ว เราเป็นกระเป๋าหลักด้วย (หัวเราะ) ในบางวันที่มาพร้อมกัน คือเราส่งหลานอยู่แล้ว 2 คน เดือนละ 1 หมื่น บางทีมาพร้อมกัน ซึ่งเราเพิ่งจะจ่ายบางอย่างไปที่เป็นยอดสำคัญของเรา แล้ววันนั้นจ่ายหลายอย่าง ทำไมเหนื่อยจัง คนที่จ่ายเยอะๆ ใน 1 วัน ที่ตัวเองเป็นกระเป๋าหลักของบ้านจะเข้าใจเรื่องนี้ บางทีก็ท้อ หาเท่าไหร่จะพอ มันก็พอแหละ แต่ทำไมมันขนาดนี้ว้า มันเลยรู้สึก ตอนนี้เราเข้าใจพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ยิ่งโต ยิ่งเหนื่อย เพราะฉะนั้นเราต้องหาตรงกลางของชีวิตให้เจอ จะเจอความสุข”
● จะมีเวลาให้ตัวเองในการสร้างอนาคตมั้ย
ตรี – “จากนี้ก็หาเงินซื้อที่ไว้ บ้าน รถ สำเร็จแล้วในความฝัน จากนี้อยากมีที่ทางเอาไว้เป็นมรดกของชีวิต เอาไว้เผื่อเราเป็นอะไรไปพี่น้อง ครอบครัว จะได้สบาย หรือเราได้ต่อยอดเอาไปทำธุรกิจในวันที่เรายังมีลมหายใจอยู่ มีที่สวยๆ ทำลานแคมปิ้ง ทำรีสอร์ตก็ได้ ตอนนี้เริ่มดูไว้ ที่ใกล้บ้าน บ้านเราอยู่โพธาราม ก็ดูโซนเขางู เขาชะงุ้ม เขาช่องพราน เป็นทุ่งนา วิวเขา เหมาะกับรีสอร์ตหรือคาเฟ่ คนที่ชอบกางเต็นท์เขาก็จะชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติ อีกโซนคือสวนผึ้งแต่จะไกลไปหน่อย แพลนในอนาคตต่อจากนี้ ร้านอาหาร Tree Garden ที่โพธาราม พ่อกับแม่ก็ดูแลได้แล้ว และจะเอาน้ำพริกแจ่วบักตรีกลับมาทำ”
● ทำหลายอย่าง ท้อไม่ได้
ตรี – “ท้อไม่ได้ อันนั้นคือแรงผลักดัน แรงบันดาลใจของเราเลย คนข้างๆ คนข้างหลัง ลูกน้อง ทุกคนคือแรงผลักดัน มีเกือบ 20 ชีวิตที่ต้องดูแล เราได้เยอะแต่จ่ายเยอะมาก เหมือนอย่างที่น้องชายเจ้า ลำเพลินพูดไว้ ‘หลายคนคิดว่าศิลปิน นักร้องรวย โดยเฉพาะนักร้องอย่างพวกผม นักร้องค่าย รวย’ ถ้าร้องเพลงอย่างเดียวไม่ได้รวย เป็นศิลปิน ค่าสังคมก็มี ค่าครองชีพ ค่าครอบครัวอีก ทุกคนมองแค่รายได้ รายจ่ายเขาก็มี อย่างเราศิลปินระดับกลาง ไม่ได้ดังมาก งานคอนเสิร์ตไม่ได้เยอะ ถ้าไม่ได้รางวัลน้ำใจจากแม่ๆ คงไม่ได้เดินมาถึงวันนี้”
● ระดับ ตรี ทุกคนจะเห็นแรงซัพพอร์ตจากแฟนๆ
ตรี – “เขาเลยจะมองตรงนั้น พูดกันจากใจทุกคนคงจะคิดว่าผมมีเยอะมาก ถึงได้เข้ามาหยิบยืม ให้เราช่วยเหลือ อันไหนช่วยได้ก็ช่วย คือรายจ่ายเราก็มี ผมเริ่มจากคนที่ติดลบก็ต้องค่อยๆ อุดลบก่อนแล้วนับ 1 2 3 ค่อยๆ สร้าง ถ้าถามเรื่องเงินในบัญชี มีไม่มาก แต่ทรัพย์สินพอมี ทุกคนส่งผมมา แม่ๆ แฟนๆ ผมก็อยากทำให้ทุกคนเห็นว่า สิ่งที่ทุกคนให้ผมมา ผมเอาไปต่อยอด ไม่ใช่ว่า 7 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรเลย ก็มี แต่ไม่ใช่รวยล้นฟ้า มี 30-40 ล้าน”
วีรนุช จันทำ
