เดินหน้าพัฒนาเยาวชนไทยด้วยการมอบโอกาสทางการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักเรียนอาชีวะ กลุ่มเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภาพรวมอุตสาหกรรมของประเทศชาติ ล่าสุด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีว ศึกษา (สอศ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) สานต่อ “โครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา” ต่อเนื่องเป็นฉบับที่ 3 (ปี 2566-2569) เพื่อ หวังผลักดันสร้างนักเรียนอาชีวะให้เป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ สร้างรายได้ มีอาชีพที่มั่นคง เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ

โดยมีนายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ณ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยการสนับสนุนงบประมาณปีละ 1.6 ล้านบาท ตลอด 3 ปี ทั้งวัสดุ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากทีโอเอ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนของสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษา สนับสนุนการผลิตสื่อการเรียนการสอนให้สถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนเงินรางวัลและวัสดุในการจัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพระดับภาคและระดับชาติ

นายประจักษ์เผยว่า ทีโอเอในฐานะผู้ประกอบการในวงการวัสดุก่อสร้างกว่า 60 ปี เราเห็นช่องทางและโอกาสของนักเรียนอาชีวะในสาขาวิชาช่างก่อสร้างและสายช่างอื่นๆ ที่ถึงแม้ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี แต่มีโอกาสเติบโต มีงานทำ มีรายได้ และต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันตลาดรีโนเวตบ้านและอาคารเก่าอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป นับเป็นตลาดที่ใหญ่และมีมูลค่ามหาศาล มักพบปัญหา ที่ต้องการช่างเพื่อซ่อมแซมหรือต่อเติมเพื่อปรับปรุงให้บ้านน่าอยู่ ยิ่งขึ้น นักเรียนอาชีวะที่เรียนในสาขาวิชาช่างก่อสร้าง โยธา ช่างไฟฟ้า ฯลฯ จึงได้เปรียบ สามารถประสบความสำเร็จและเป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ได้

นายประจักษ์แนะบันไดสู่ความสำเร็จของนักเรียนอาชีวะ รวมทั้งนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลาย ปวช. และ ปวส.ด้วยว่าควรฝึกงานเป็นลูกจ้างเพื่อเรียนรู้และหาประสบการณ์อย่างน้อย 5-10 ปี และควรเริ่มต้นจากการรับงานเล็กๆ เช่น ผู้รับเหมาช่างทาสี ไฟฟ้า ประปา กระเบื้อง สุขภัณฑ์ จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีได้เช่นกัน วิชาสายงานอาชีพช่างเหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก สามารถก้าวออกไปหาเงินในตลาดต่างประเทศ ทำให้มีรายได้มากยิ่งขึ้นและกลับมาเป็นเจ้าของธุรกิจ สร้างความมั่งคั่งให้ครอบครัว นำเงินตราเข้าประเทศ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ด้านว่าที่ร้อยตรีธนุกล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ เข้าใจ และสร้างผู้เรียนอาชีวศึกษาอย่างจริงจัง เป็นการวางรากฐาน เชื่อมโยง พัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในทุกมิติอย่างเป็นระบบ เข้มข้น เกิดสมรรถนะวิชาชีพที่เป็นมาตรฐานสากล เพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของกลุ่มอุตสาหกรรมครบวงจร ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน