‘ชลน่าน’เชื่อสส.มีวินัย‘ตู่’อุบวางมือการเมืองไม่หวั่นถูกจ้องเช็กบิล ‘เดชอิศม์’ชูคนรุ่นใหม่ผู้นำปชป.-ปฏิรูปพรรค

‘ชลน่าน’ มั่นใจ ศึกประธานสภาจบก่อน 3 ก.ค. ‘เหลิม’ ซัด ก้าวไกลอยากได้เก้าอี้ แต่ไม่รู้เรื่องการเมือง ส่วน ‘อดิศร’ยัน ส.ส. เพื่อไทยเกือบ 100% ค้านยกให้ก้าวไกล ‘เต้น’ ออกโรงยึดหลักการให้พรรคอันดับ 1 ‘เศรษฐา’ เชื่อโตๆ กันแล้ว คุยกันรู้เรื่อง อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาวบี้กกต.ส่งศาลรธน.ชี้ขาดคดีหุ้น ‘พิธา’ ขู่ 28 มิ.ย.ไม่จบ ส่งหลักฐานให้ส.ว. รับไม้ต่อ ‘บิ๊กตู่’ ลั่นไม่ยุ่งตั้งรัฐบาลใหม่ อุบวางมือการเมือง ว้ากรองโฆษกเพื่อไทย ไล่พ้นบ้านพักหลวง ชี้ถ้าจะให้ออกต้องไปแก้กฎกระทรวง ‘เดชอิศม์’ หนุนคนรุ่นใหม่เป็น ผู้นำปชป. ปรับพรรคแบบ 360 องศา ‘บัญญัติ’ แย้มโผมีมากกว่าหนึ่งชื่อ

‘บิ๊กตู่’เผยยังไม่ได้คุยโผทหาร
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลตามปกติ และเวลา 14.00 น. ไปเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2566 ที่ศาลาว่าการกลาโหม

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับย้ายนายทหารประจำปีว่า ในการประชุมสภากลาโหมยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างเป็นธรรมเนียม มีระเบียบ และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว ถึงเวลาที่สมควรจะมีการ พูดคุย ช่วงนี้เหล่าทัพจะมีการเตรียมปรับย้ายภายในของเขาและนำมาเสนอในคณะกรรมการปรับย้ายในกระทรวงกลาโหม (กห.) ซึ่งยังมีเวลาอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาล รักษาการสามารถดำเนินการได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ อยู่ในพ.ร.บ. จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว และ ต้องมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทหารและตำรวจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงการเปลี่ยนผ่านและการปรับย้ายผบ.เหล่าทัพจะทำอย่างไรให้สมูท เพื่อให้กองทัพและรัฐบาลเดินไปด้วยกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไปด้วยกันอยู่แล้ว จะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ รัฐบาลเป็นผู้บริหารทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม อยู่ภายใต้รัฐบาลอยู่แล้วไม่ใช่หรือ และเป็นรัฐบาลพลเรือนด้วยซ้ำ

“ขอให้เชื่อมั่นว่ากระทรวงกลาโหมเป็น กระทรวงหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล รัฐบาลจะเป็นผม หรือเป็นใครก็เหมือนกัน ไม่ใช่ทหารต้องอยู่ใต้ทหารปกครอง ทหารเป็นเครื่องมือของรัฐบาลมาโดยตลอด ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา คนบริหาร คือ นายกฯ และรมว.กลาโหม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการนักศึกษาแห่งชาติเรื่องแบ่งแยกรัฐปาตานีว่า มีแล้วกำลังดำเนินการอยู่ ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก ผู้สื่อข่าวถามว่ามีพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ยังอยู่ในกระบวนการ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินคดีได้ ใครรับผิดชอบก็ฟ้องกันไป กฎหมายมี ไม่ทำก็ไม่ได้ เข้าใจหรือไม่

ลั่นไม่ยุ่งตั้งรบ.ใหม่-อุบวางมือ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ว่า “ผมขอพูดอีกทีว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ในกรณีที่มีข่าวอะไรออกมา อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้อง ยืนยันว่ายังอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในเวลานี้ยังไม่ได้ไปไหน และผมไม่ได้ไปเจรจาและไม่ได้ไปดีลกับใครทั้งสิ้น เรื่องนี้เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน เรื่องกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และกระบวนการทางการเมือง การรวมพรรค รวมกลุ่ม รวมฝ่ายอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่ยุ่งตรงนี้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติให้แนวทางโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ยุ่ง และไม่ตอบ เพราะไม่ยุ่ง ก็จบแล้ว ไม่ยุ่งสักอย่าง ฉะนั้นอย่าเอามาพูดตรงนั้น ตนไม่ได้เห็นชอบกับใครสักคน แต่เดี๋ยวเขาคงหารือกันเอง

ต่อข้อถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีการหยิบยกชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เห็นในข่าววันนี้ และเอาตนไปเกี่ยวพันด้วย ตนไม่เกี่ยวข้องตรงนี้ ต่อข้อถามว่าจะฝากบอกอะไรถึง พล.อ.ประวิตร หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ฝากอะไร”

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้เลือกประธานสภาให้ได้ก่อน เมื่อถามว่าเป็นพี่น้องกันได้สอบถามกันและอ่านใจกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “โอ๊ย ผมคงไม่ถึงกับอ่านใจกันได้ขนาดนั้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมือง ให้กลไกทางการเมืองว่ากันไป”

ต่อข้อถามว่าถามทำงานมาตรงนี้ 8-9 ปี ใจหายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ ถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว อาจจะไม่ได้ 100 % แต่ทำไว้เยอะเหมือนกัน ถ้าได้รับการสานต่อหลายอย่างก็จะแก้ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าท่านไม่เคยประกาศวางมืออย่างชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เมื่อถึงเวลา ผมก็วางของผมเอง ตอนนี้ผมจำเป็นจะต้องไปตอบใคร ทำไมอยากรู้มากมายนักหรือ” เมื่อถามว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ทำไมต้องชัดอะไร ไม่ต้องชัดหรอก ชัดอย่างเดียวผม ไม่ไปยุ่งกับเขา”

ไม่หวั่นถูกเช็กบิลย้อนหลัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาลบางส่วนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เก็บไม่ได้หรอ มาสนใจกันเรื่องเก็บหรือไม่เก็บ ก็มีทยอยเก็บไปบ้าง เพราะวันนี้เราทำสิ่งต่างๆ ตามระยะเวลาที่ควรจะทำ ห้องเราก็รก เพราะเอกสารเยอะมาก อยากจะรื้อมานานแล้ว เพราะเดินจะสะดุดตายอยู่แล้วก็อยู่มาหลายปี ต่อข้อถามว่าเมื่อพ้นจากนายกฯ จะย้ายออกจากบ้านพักกองทัพบก ที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถ.วิภาวดีรังสิตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของกติกาเดิมอยู่แล้ว ถ้าจะแก้ไขก็ต้องไปแก้กฎกระทรวง ตนก็พร้อมออก

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยู่ได้ในฐานะอดีตผบ.ทบ.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตผบ.ทบ.จนวันนี้มาเป็นนายกฯ หลายประเทศก็ดูแลแบบนี้ มีทหารประเทศไหนเขาไล่คนเก่าไหม เขามีรปภ.ดูแลต่อ ประเทศไทยไม่ได้หรือ ต้องเท่าเทียม ก็แล้วแต่ ตนเคารพกติกา ต่อข้อถามว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) เรียกร้องให้ออกจากบ้านพักหลวง จะมาอ้างข้างๆ คูๆ เพื่อให้ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นไม่ได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ระเบียบว่าอย่างไรก็ไปแก้ระเบียบ “วันนี้ผมอยู่ ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยผมด้วย เข้าใจไหม บ้านผมก็มี ไม่ใช่ไม่มี แต่มันไม่ปลอดภัย”

ต่อข้อถามว่าห่วงว่าใครจะมาทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ห่วง เขาเรียกว่าเป็นสากล เข้าใจหรือไม่ ตนก็มีแรงป้องกันตัวเองอยู่เหมือนกัน แล้วจะต้องไปอะไรกับคนอื่นเขา เดี๋ยวรัฐบาลหน้ามาก็ต้องได้รับการดูแลเหมือนกัน แต่เขาไม่ใช่ทหารอย่างตนแค่นั้นเอง เมื่อถามว่ากลัวโดนเช็กบิลย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะกลัวอะไร ตนกลัวอะไร ก็เรื่องของเขา ก็ไปสู้ตามกฎหมาย กฎหมายมันย้อนหลังได้ไหม

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้ทีมงานเก็บของใช้ส่วนตัวบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อาทิ พระพุทธรูป เอาไปไว้ที่บ้านพักหลวง อาจเป็นเพราะทำใจไม่ได้ที่ตัวเองต้องลงจากอำนาจ ไม่สามารถอยู่ต่ออีก 2 ปีเพื่อทำสถิติการเป็นนายกฯ นาน 11 ปี อยากถามดังๆ ว่าเมื่อไรจะได้ฤกษ์ย้ายออกจากบ้านพักหลวง จะมาอ้างข้างๆ คูๆ เพื่อให้ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการอ้างเพื่อความปลอดภัยของผู้นำประเทศ หรือผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศและส่วนรวม หมดเวลาการได้ประโยชน์จากการพักอาศัยบ้านหลวงแล้ว

‘ตุ๋ย’โต้ทิ้งลุง-อยู่จนวินาทีสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีกระแสข่าว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ก่อนเข้ารายงานตัวเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อต่อสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่าเวลา 09.05 น. นายพีระพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าจะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จนวินาทีสุดท้ายในการทำหน้าที่นายกฯ ว่า “เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) มีการรายงานข่าวทางสื่อมวลชนบางฉบับว่าผม “ทิ้งลุงตู่” ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และมีการสอบถามผมมาอย่างเข้าใจผิดมากมายว่าผมทิ้งท่านนายกฯ ทำไม

ขออนุญาตเรียนให้ทราบว่าคนอย่างผมไม่มีวันที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างพล.อ.ประยุทธ์ เด็ดขาด วันนี้ผมยังอยู่กับท่านและยังคงทำงานให้ท่านในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ตามปกติทุกวัน ผมพูดอยู่เสมอว่าผมมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่านและยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นการได้เจอคนดีนับเป็นโชคดีของชีวิต การได้เจอและได้ทำงานกับคนดีๆ ยิ่งต้องถือว่าทั้งโชคดีและเป็นกำไรของชีวิตที่ได้ซึมซับและได้เรียนรู้เรื่องดีๆ จากคนดีๆ ยิ่งเป็นคนดีที่รักชาติบ้านเมืองรักสถาบันยิ่งชีวิตก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นโชคมหาศาลของชีวิต ผมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าผมเลือกที่จะอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายของท่านในการทำงานและการทำหน้าที่นายกฯ ของคนไทยและประเทศไทย

เตรียมมอบภารกิจให้รัฐบาลใหม่
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรครวมไทย สร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้คุยกับนายกฯ ทุกวัน ท่านยังทำงานตามปกติ แต่ในทางการเมืองมีไทม์ไลน์ของรัฐบาลใหม่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบันทราบไทม์ไลน์อยู่แล้ว และเตรียมตัวที่จะมอบภารกิจให้รัฐบาลชุดใหม่ เพราะเข้าใจว่าจะมีการประชุมสภานัดแรกภายในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องดำเนินการ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำเสมอว่าครม.ชุดปัจจุบันจะ พ้นหน้าที่หลังรัฐบาลใหม่ถวายสัตย์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ทำงานเต็มที่ทุกวัน และมาทำงานเช้าทุกวัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของพรรคในการโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธนกรกล่าวว่า ต้องมีการประชุมหารือกัน นอกจากในพรรคแล้วคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลเก่าก็มีความสัมพันธ์อันดี กันมาก ในทางการเมืองเราต้องคุยกันว่าเดินไปในทิศทางไหนอย่างไร

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชี รายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวทำงานกับพรรคที่คาดว่าจะเป็นฝ่ายค้านว่า ต้องรอให้การโหวตในสภาเสร็จสิ้นก่อน ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติต้องหารือภายในพรรค คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อเตรียมพร้อมทำงานในฐานะส.ส. ขณะนี้ตนไม่กังวลใดๆ ต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ แม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับการแย่งตำแหน่งประธานสภา ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ปัญหาของ 2 พรรค ไม่ใช่เรื่องของพวกตน เราพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

รายงานตัว – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรค นำคณะส.ส.ชุดใหญ่ของพรรค พร้อมเอกสารหลักฐาน และหนังสือการรับรองส.ส.ของกกต. เข้ารายงานตัวต่อสภา ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

‘ชลน่าน’มั่นใจส.ส.ไม่แหกมติ
ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดให้รายงานตัวส.ส.ชุดที่ 26 เป็น วันที่สาม ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ตลอด ทั้งวันมีส.ส.มารายงานตัวอย่างคึกคัก 156 คน รวม 3 วัน ตั้งแต่ 20-22 มิ.ย.มีส.ส.มารายงานตัวแล้วทั้งสิ้น 243 คน จากทั้งหมด 500 คน

เวลา 10.05 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำส.ส.ที่รวมตัวกันที่ทำการพรรคขึ้นรถโดยสายปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 3 คัน มาถึงรัฐสภา เข้าสักการะพระสยามเทวาธิราชและศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภา ก่อนเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภา

นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งประธานสภาว่า ขั้นตอนการเจรจาพูดคุย ที่เราวางแนวไว้คือเป็นการเจรจาระหว่าง 2 พรรค ได้มอบหมายหน้าที่ไว้เรียบร้อย ที่พรรค เพื่อไทยมีข่าวออกมาเป็นกระบวนการพิจารณาภายในของพรรค เพื่อนำข้อเจรจานี้ไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ข้อสรุปสุดท้ายอยู่ที่การเจรจาของ 2 พรรคใหญ่ ส่วนการจัดสัมมนาเพื่อไทยเมื่อ 21 มิ.ย. คนที่แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าเพื่อไทยน่าจะเสนอขอตำแหน่งประธานสภา แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นความเห็นของส.ส.ทั้ง 141 คน เพราะมีเพียง 10 กว่าคนเท่านั้นที่ลุกขึ้นแสดงความคิดเห็น

ต่อข้อถามว่า นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังยืนพรรคเพื่อไทยต้องแคร์ความรู้สึกสมาชิกพรรคเป็นหลัก นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคมีหลักการทำงาน เราแคร์ความรู้สึกทุกฝ่าย หมายถึงพรรคร่วมที่เราไปทำสัญญาร่วมกัน แต่ความรู้สึกที่เราต้องแคร์มากที่สุดคือความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่เรายึดถือเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสองคือการแคร์ความรู้สึกสมาชิกพรรคโดยเฉพาะคนที่เป็นส.ส. ต้องมองทุกมิติให้ครอบคลุม

ผู้สื่อข่าวถามว่าส.ส.บางคนเห็นว่าหากให้ประธานสภากับพรรคก้าวไกล จะมีคนรับไม่ได้และจะฟรีโหวต นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการออกเสียงลงมติ แต่ในระบบพรรคการเมืองต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลัก เคารพเสียงข้างน้อย เมื่อพรรคเพื่อไทยมีมติอย่างไร เชื่อว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยจะมีวินัย

ชง‘สุชาติ’แข่งไม่เกิด-ยุติก่อน 3 ก.ค.
ต่อข้อถามว่า หากมีการเสนอชื่อนาย สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แข่งชิงตำแหน่ง นพ.ชลน่านกล่าวว่า คำว่าถ้าตรงนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเรามีการพูดคุยภายในพรรคให้จบกระบวนการทั้งหมด เมื่อถามว่าจะให้นายสุชาติสละสิทธิ์หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไปละเมิดสิทธิ์สมาชิกไม่ได้ แต่ด้วยวิธีการและกลไกของพรรคเราต้องเคารพเสียงข้างมากที่เลือกเรามา ตนยังไม่ทราบว่าเสียงข้างมากจะออกมามุมไหน และการเจรจากับพรรคก้าวไกลจะออกมาในมุมใด อาจมีข้อยุติที่ดีก็ได้

ส่วนกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) พูดถึงการแชร์ตำแหน่งรองประธานสภาให้พรรคอันดับ 3 นพ.ชลน่านกล่าวว่า ข้อเสนอในมุมเพื่อไทยคือพรรคอันดับ 1 ได้ 151 เสียง พรรคอันดับ 2 ได้ 141 เสียง และพรรคอันดับ 3 ได้ 9 เสียง คณะเจรจาที่ได้รับมอบหมาย ฝ่ายผู้บริหารพิจารณาแล้วเสนอว่าพรรคอันดับ 1 และ 2 คะแนนห่างกันไม่มาก แต่ห่างจากพรรคอันดับ 3 มาก จึงเสนอหลักการให้พรรคอันดับ 2 ได้รองประธานสภา 2 คน ส่วนพรรคก้าวไกล จะรับหรือไม่และจะไปคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์อย่างไร เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กับนายวันมูหะมัดนอร์ พูดเป็นแนวทางเดียวกันว่า หากตกลงกันเรื่องตำแหน่งประธานสภาไม่ได้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจบเห่แน่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น มั่นใจว่าสิ่งที่คนหวั่นไหวและคาดการณ์จะไม่เกิดขึ้น ต้องได้ข้อยุติภายในพรรคก่อนที่จะไปพูดคุย และก่อนวันที่ 3 ก.ค.นี้ แน่นอน

ติวเข้มส.ส. – พรรคก้าวไกลสัมมนาส.ส. เตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมประชุมเชิงปฏิบัติการ และระดมความคิดเห็นเสนอร่างกฎหมายกว่า 40 ฉบับ ที่สนามกอล์ฟพัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

แนะเจรจาก้าวไกลลดเงื่อนไข
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสัมมนาส.ส. เพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.เป็นกระบวนการรับฟังความเห็นส.ส. โดยจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบความเห็นอื่นๆ และประมวลว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และพรรค เพื่อตัดสินใจ ถ้าทุกอย่างยังไม่ลงตัวอาจต้องคุยส่วนตัวกับสมาชิกที่ยังเห็นต่าง คนที่เห็นต่างถือเป็นกุศลเจตนา ด้วยความหวังดีต่อพรรค ไม่มีวาระซ่อนเร้นอื่น และเท่าที่ดูคงไม่ถึงขั้นต้องเปิดฟรีโหวตในการเลือกประธานสภา แนวทางสุดโต่งเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นต้องหาวิธียืดหยุ่นเข้าหากัน อาจต้องไปพูดคุยด้วยหลายเหตุผลกับพรรคก้าวไกล อาจต้องโยกหรือปรับเงื่อนไขที่เคยคุยกันไว้เล็กน้อย เป็นเรื่องที่คณะเจรจาจะไปพูดคุยกัน อะไรที่มันตึงมาก อาจต้องขยับนิดหน่อยก็ลงตัวได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถึงขั้นให้พรรคก้าวไกลยอมสละตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ถ้าเขายืนยันหลักการเดิม แล้วเราเห็นว่าจะไปไม่ได้ ต้องมาพูดคุยจะปรับลดอะไรลงได้หรือไม่ ชุดเจรจาบอกว่า มีทางลงตัวได้ ทุกอย่างจะลงตัวก่อนวันโหวตประธานสภาแน่นอน ในวันโหวตทุกอย่างจะลงตัวด้วยดี เชื่อว่าทุกคนคำนึงว่าหากสิ่งที่อยากได้ ทำให้เจอทางตัน แต่ถ้าเรายืดหยุ่นเล็กน้อยทำให้เดินต่อไปได้ ถ้าคุยกันแล้วน่าจะไปต่อได้

‘เหลิม’เปิดศึกซัดก้าวไกล
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลมีตัวแทน 8 พรรคหารือกันจะเลือกใครเป็นประธานสภา พรรคเพื่อไทยก็มีตัวแทนไปแต่ไม่มีสิทธิตัดสินใจ ต้องกลับมาถามผู้แทนของพรรค ไม่ใช่ไปกัน 7-8 คน แล้วไปตกลง เพราะประธานสภาต้องเป็นกลาง ต้องเป็นประธานของทุกพรรคการเมืองในสภา กรณีที่กำลังมีการวิจารณ์ ตนจะขอให้ทั้ง 8 คน จาก 8 พรรคกลับไปที่พรรคตัวเองก่อนแล้วค่อยวิจารณ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประธานสภาเป็นของพรรคก้าวไกลมองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนต้องทำตามมติพรรค ถ้าเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วย ตนก็ไม่เห็นด้วย หากเห็นด้วยก็ขัดมติพรรคไม่ได้ ไม่มีรัฐบาลไหนตั้งง่ายยากทั้งนั้น ไปร้องเพลงดีดสีตีเป่ามันไม่ใช่

ต่อข้อถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เหมาะสมเป็นนายกฯ หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนจะเห็นพรรคอื่นเป็น นายกฯ ได้อย่างไร ต้องเป็นคนเพื่อไทย และเล่นการเมืองต้องเล่นให้เป็น ถ้าตนเห็นนายพิธาดีกว่าคนเพื่อไทยก็ไม่ใช่เฉลิม ที่พูดไม่กลัว ทัวร์ลง ครั้งนี้เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งแรกที่มี เอ็มโอยู คนรุ่นใหม่จะใหม่อะไรนักหนา คนรุ่นเก่าจะเก่าอะไรนักหนา มันอยู่ที่ความรู้

เมื่อถามว่า ประธานสภาอายุน้อยเป็นอุปสรรคหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อยู่ที่ความชำนาญ มั่นคง เป็นกลาง ไม่ใช่อะไรๆ ก็เอาแต่พรรค ก เป็นประธานสภา ไม่มีพรรษาถ้าเก่งเป็นได้ คนที่พูดเช่นนี้ไม่รู้การเมือง เลอะเทอะประธานสภาต้องเป็นของทุกพรรค ไม่ใช่เป็นตัวเอง ตัวเองเสนอกฎหมายคนเดียวจะผ่าน หรือไม่ ก็ไม่ผ่าน ที่พูดมามันโง่ เห็นหรือไม่มาวันแรกก็เปิดศึกแล้ว เมื่อถามอีกว่า อยากเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนก็อยากเป็น นักการเมืองอยากเป็นทุกคน แต่คราวนี้ตนมีสิทธิแค่อยาก ถ้าพรรคไม่ให้ ก็ไม่เป็น

‘อดิศร’ยันเกือบ100%ไม่ยกให้
นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นของประธานสภาข้อมูลอาจไม่ตรงกัน ตอนแรกบอกว่ารัฐมนตรี 14+1 ก้าวไกลได้นายกฯ เพื่อไทย 14+1 ได้ประธานสภา ถ้าเป็นไปตามนี้พวกเรามีความสุข แต่อยู่ๆ ไปยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคอันดับ 1 โดยไม่สอบถามส.ส หรือที่ประชุมพรรค จึงมีปัญหาทำให้ถกเถียงกันในที่ประชุมพรรคเมื่อ 21 มิ.ย.อาจรุนแรงไปหน่อย แต่ความรุนแรงเป็นภาษาของประชาธิปไตย ภาษาดอกไม้ของเพื่อไทย หากพาดพิงไปถึงพรรคอื่นก็กราบขอโทษด้วย

ต่อข้อถามว่าถ้ามติพรรคออกมาจะยอมรับได้หรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า ตนเป็นคนที่มีระเบียบวินัย แต่วินัยนั้นต้องผ่านการถกเถียงกันในพรรคอย่างสมเหตุสมผล ผู้บริหารพรรค หรือตัวแทนพรรคไม่ใช่เจ้าของพรรค ต้องมาถามส.ส.และให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะทำให้เส้นทางประชาธิปไตยไปได้ด้วยดี คนที่มีหน้าที่ไปเจรจากับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมต้องคำนึงถึงความรู้สึกของส.ส.เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ของพรรคว่าคิดเห็นลักษณะเช่นนี้ เพราะคะแนนเราอาจจะห่างกันไม่มาก ตนไม่อยากให้ประธานสภามาขัดขวางการเจริญเติบโตของรัฐบาลผสมที่ใกล้เข้ามาแล้ว ขอภาวนาให้เจรจาจบลงเร็วๆ

เมื่อถามว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้จะโหวตแข่งกันในสภาหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า ถ้ามีปัญหาถกเถียงกันก็ต้องใช้ที่ประชุมตัดสิน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสภา เพราะที่นี่ไม่ใช่สภาของพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งสักพรรคเดียว ต้องขออภัยพรรคก้าวไกลด้วยเพราะเราสูงไล่เลี่ยกัน อย่างที่ นพ.ชลน่าน ระบุ ต่างคนต่างมีเอฟซี ซึ่งเอฟซีแต่ละพรรคก็เชียร์ไม่เหมือนกัน จึงอยากให้เอฟซีอยู่ในสถานที่ตั้งที่มั่นคง รอดูการเจรจากัน คิดว่าประชาชนมอบให้เพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นปาท่องโก๋ ต้องจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ได้

‘เต้น’ยึดหลักให้พรรคอันดับ 1
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า สื่อมวลชนถามมาทุกทิศทาง ขอตอบตรงนี้ เรื่องประธานสภา ผมเห็นด้วยกับหลักการของทีมเจรจาพรรคเพื่อไทย คือประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 หลักคิดคือคะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่ แต่จะให้วิพากษ์วิจารณ์พรรค เพื่อไทย หรือพี่น้องในพรรคที่เห็นต่าง ผมไม่ทำ เพราะเราเพิ่งผ่านศึกสำคัญ บาดเจ็บมาด้วยกัน และผมเป็นคนหนึ่งในทัพใหญ่ ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา

เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชา ธิปไตย และจะตั้งได้ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามหากนำมาสู่การแตกหักแยกทางถือว่าผิด ซึ่งประชาชนจะตัดสินในที่สุด คณะเจรจา 2 พรรคต้องหา ข้อยุติกันให้ได้ก่อนวันเลือกประธานสภา ถ้าฟรีโหวตฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย “ผมคงขัดตา ขัดใจเพื่อนมิตรหลายคนในเรื่องนี้ แต่ด้วยความปรารถนาดี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันรุ่งเรือง ทุกครั้งพรรคมีเรื่องผมก็ไม่เคยถอยหนี เพื่อไทยอาจได้หรือไม่ได้เก้าอี้ตัวใด แต่ต้องไม่สูญเสียเก้าอี้ในหัวใจประชาชน”

‘เศรษฐา’เชื่อโตๆกันแล้ว คุยกันรู้เรื่อง
ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการวิจารณ์เรื่องตำแหน่งประธานสภาว่า ไม่ขอออกความเห็น บอกเพียงว่าได้พูดไปแล้ว พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลต้องจับมือกัน การแข่งขันจบไปแล้ว ตั้งแต่ 14 พ.ค. เชื่อว่าคณะทำงานของว่าที่รัฐบาลจะพูดคุยกันรู้เรื่อง เพราะเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายอดิศร ออกมาขอโทษ ที่พูดพาดพิงพรรคก้าวไกล นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี พูดคุยกันได้ โตๆ กันแล้ว เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มีให้กัน อยู่กันแบบลิ้นกับฟันก็เป็นธรรมดา มั่นใจว่ามีทางออกได้ และทุกพรรคก็แฮปปี้ จับมือกันตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย

เมื่อถามถึงกรณีพรรคเล็กร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอให้สองพรรคใหญ่เร่งจัดการปมประธานสภา เพื่อลดรอยร้าว และหากประธานสภายังตกลงกันไม่ได้ แล้วตำแหน่งนายกฯ จะตกลงกันได้อย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีหรอกมั่นใจว่าสองพรรคใหญ่คุยกันรู้เรื่อง

‘เสรีพิศุทธ์’ขอ 2 พรรครักษาคำพูด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย(สร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภาคิดว่าทั้ง 2 พรรคตกลงกันได้แล้ว เมื่อตกลงกันได้แล้วเชื่อว่าทุกคนจะรักษาคำพูด และทำงานให้พี่น้องประชาชน วันนี้พูดแบบนี้ พรุ่งนี้พูดอีกอย่างมันไม่ดี เราต้องรักษาคำพูด ไม่อย่างนั้นการไปสู่เป้าหมายลำบาก จะทำให้เผด็จการฟื้นคืนชีพกลับมาอีก จะเอาอย่างนั้นกันหรือ จึงอยากฝากบรรดาลูกพรรคทั้งหลาย ใครจะแสดงความคิดเห็น จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีระเบียบ วินัย พรรคและหัวหน้าพรรคก็คุม ไม่ได้ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและแตกแยก

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเสรีรวมไทยมี 1 เสียงจะให้พรรคก้าวไกลหรือพรรคเพื่อไทยในการเลือกประธานสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า พูดไม่ได้จริงๆ ทั้ง 2 พรรคตกลงกันแล้ว ขอให้เป็นไปตามที่ตกลง ไม่เช่นนั้นจะเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี เขต 2 พรรคภูมิใจไทย เดินทางมากกต.เพื่อเซ็นเอกสารเอาใบรับรอง ส.ส. ไปยื่นต่อสภา ด้วยอาการบาดเจ็บเท้า ระบุว่าเกิดอุบัติเหตุสะดุดฟุตปาธ ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้ต้องใช้ไม้ค้ำยันเวลาเดิน

นายชาดากล่าวถึงการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ และโหวตเลือกประธานสภาว่า เขาไม่เอาเรา เราจะไปโหวตให้เขาได้อย่างไร เราต้องมีมติพรรค วันนี้ได้แต่เอาใจช่วยนายพิธา ขอให้ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยเร็ว เราพร้อมเป็นได้ทุกฝ่าย ส่วนตัวเป็นรัฐบาลมา 3 ครั้ง ถือว่าเป็นวาสนา

บี้กกต.ส่งศาลชี้ขาดคดีหุ้น‘พิธา’
ที่สำนักงานคกกต. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเรื่องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และการโอนหุ้นหลังการเลือกตั้ง ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งมีองค์ประกอบครบในการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรม ซึ่งเป็นการยื่นเรื่องใหม่อีกครั้งหลังกกต.รับรองเป็นส.ส. โดยขอให้กกต.ดำเนินการภายในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ในการพิจารณาและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากยังไม่ดำเนินการจะไปใช้ช่องทางให้ส.ว. และส.ส. เข้าชื่อ

นายนพรุจกล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันแล้วว่า ไอทีวียังดำเนินธุรกิจอยู่ มีการส่งงบการเงิน ส่วนที่จอดำ เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีและบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่ใช่การฟื้นไอทีวี และนายพิธาต้องถือหุ้น ถึงโอนหุ้นได้ จึงขอให้นายพิธาเปิดเผยข้อมูลมา อย่าพูดแต่ปาก เพื่อให้สังคมรับรู้ว่าตนเองเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งจะเป็นการตกลงภายในหรือเป็นผู้จัดการโดยศาล ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1732 กำหนดให้โอนหุ้นภายใน 1 ปี แต่ที่สำคัญนายพิธาโอนหลังการเลือกตั้ง ชัดเจนว่าหากไม่ถือหุ้นก็โอนไม่ได้ หากกิจการเลิกแล้วจะไม่มีการถือหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว

อยากให้กรณีนี้สิ้นสุดเพราะหากส่ง แคนดิเดตนายกฯ ที่มีปัญหาไม่จบ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ นั้นไม่สามารถทำได้ อีกทั้งจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ดังนั้น ส.ว.จึงต้องทำหน้าที่ โดยตนได้นัดหมายกับนายสมชาย แสวงการ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ เพื่อมอบเรื่องและหลักฐานให้ส.ว. เข้าชื่อเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และจะส่งเอกสารไปยังรัฐบาลเก่า และรัฐบาลทิพย์ ทางไปรษณีย์ เพื่อเสนอให้ลงชื่ออีกทางหนึ่ง โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเปิดสภา

“องค์ประกอบการส่งศาลรัฐธรรมนูญครบแล้ว กกต.ไม่ใช่ศาล การมานั่งรอเหมือนเป็นการประวิงเวลาให้ใคร วันนี้เลยมาร้องใหม่ และไม่ได้หวังทางคุณมากแล้ว หากภายใน วันที่ 28 มิ.ย. คุณยังไม่ได้ดำเนินการ ส.ว.ส่งศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน การต่อสู้ของผม เพื่อต้องการให้รู้ว่าทุกคนเสมอภาคกัน นายพิธาไม่สามารถได้อภิสิทธิ์ใดๆ จากรัฐธรรมนูญเหนือคนอื่น เพราะกกต.มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร กรณีถือหุ้นสื่อไปก่อนหน้านี้” นายนพรุจกล่าว

‘เดชอิศม์’หนุนคนรุ่นใหม่นำปชป.
ที่รัฐสภา นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ชุดใหม่ ว่า ตอนนี้กำลังหารือกันอยู่เป็นการภายใน ยังไม่มีข้อสรุป แต่กำหนดวันเลือกตั้งแล้วคือวันที่ 9 ก.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีชื่อนายเดชอิศม์อยู่ในโผที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายเดชอิศม์กล่าวว่า ในพรรคประชาธิปัตย์มีคนที่เก่งกว่าตนหลายท่าน และเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถมากกว่าตน ส่วนที่มีชื่อว่าจะถูกสนับสนุนให้เป็นเลขาธิการพรรค ด้วยนั้น ยังไม่มีการคุยอะไรกันมาก ตอนนี้ในพรรคยังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคคุยเฉพาะ ส.ส.เขตที่เจอกันบ่อยมาก ดังนั้นต้องคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคให้ครบทุกคนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าคนที่จะนำพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปควรเป็นลักษณะไหน นายเดชอิศม์กล่าวว่า ต้องเป็นคนที่กล้าเปลี่ยนแปลงพรรค เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน วิธีคิดของประชาชนก็เปลี่ยนไปเยอะ ประชาธิปัตย์ต้องปรับตัวและเปลี่ยนให้ทันด้วย ถ้าเราปรับตัวและเปลี่ยนไม่ทันรอบหน้าเราอาจจะไม่ชนะอีก

เมื่อถามว่า หากต้องการเปลี่ยนแปลงพรรค คนที่จะเป็นผู้นำต้องเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเอาคนที่ใหม่ๆ ความคิดและความเห็นใหม่ๆ เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากแล้ว เรารู้ตัวเที่ยวนี้ว่าเราควรปรับแบบ 360 องศาเลย

‘หยัด’แย้มโผมีมากกว่าหนึ่งชื่อ
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พูดเสมอว่าเราเป็นพรรคของคนทุกรุ่น ตนเข้าใจว่ากก.บห.ที่จะได้รับความไว้วางใจเลือกเข้ามาจากสมาชิกต้องปฏิรูปพรรค ถ้าพูดว่าปรับเปลี่ยนคงจะน่ากลัวไป ความจริงก็ทำมาเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้คงต้องทำอย่างจริงจังมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราถดถอยลงไปเยอะเหมือนกัน ทุกคนหวังว่าวันที่ 9 ก.ค.จะได้กก.บห.ที่ออกมาแล้วมีความหวังมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทาบทามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่จะมีสมาชิกพรรคเห็นว่ามีใครเหมาะสมก็จะไปเชื้อเชิญมา ถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ส่วนนายอภิสิทธิ์จะเหมาะสำหรับการปฏิรูปพรรคในขณะนี้หรือไม่นั้น ก็มีคนพูดในทำนองนี้เยอะ และมีอีกหลายคนที่ถูกพูดถึง

ต่อข้อถามว่าชื่อของหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีมากกว่าหนึ่งชื่อใช่หรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า มีมากกว่าหนึ่งชื่อ ที่ยังไม่เป็นข่าวก็มีอันนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ต้องยอมรับความจริงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยค่อนข้างสูง ความคิดก็จะ แตกต่างกันออกไป ถ้ามีข้อยุติออกไปอย่างไรแล้ว คงจะต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อถามว่า พรรคเริ่มมีการพูดคุยเรื่องการโหวตประธานสภาแล้วหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ยัง ต้องให้เป็นหน้าที่ของกก.บห.ชุดใหม่ ในวันที่ 9 ก.ค.จะมีการประชุมกก.บห. คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปหลังจากนั้น

‘บิ๊กจอร์จ’เร่งสอบค่าคอมฯรถถัง
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการ ทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เพจดัง CSI LA ออกมาแฉคนในกองทัพเรือ ไม่สบายใจ นายพล ช. เรียกค่าคอมมิชชั่น 15% จากบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ของนางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือมาดามรถถัง และเรียกบริษัท Rv Connex ไปดูแลตอนเดินทางไปเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังให้แก้สัญญาอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ โครงการใหญ่ในกองทัพเรือ เอื้อผลประโชน์บริษัทรับเหมาพวกพ้องว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบก่อน ข้อมูลดังกล่าวมาจากคนในกองทัพเรือแน่นอน เพียงแต่อาจไม่ใช่ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ยอมรับว่ากองทัพเรือมีโครงการต่างๆ ที่ได้ทำกับบริษัทชัยเสรีฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อกล่าวอ้างเรื่องการเรียกค่าหัวคิว 15% เป็นอย่างไร พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า คงต้องไปตรวจสอบก่อน การพูดดังกล่าวไม่มีข้อมูลพยานหลักฐานมารองรับ เป็นเพียงข้อมูลกล่าวอ้าง ต่อข้อถามว่า เกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตแคนดิเดตผบ.ทร. หรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า ขอตรวจสอบก่อน เมื่อถามว่าชื่อผบ.ทร. มีตัว ช.เช่นเดียวกัน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ก็ใช่ เบื้องต้นขอตรวจสอบก่อนแล้วกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน