รอยเตอร์รายงานวันที่ 1 ก.ค. ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศฝรั่งเศส หลังจากประชาชนจำนวนมากรวมตัวประท้วงเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนายนาเอล เอ็ม. วัยรุ่นเชื้อสายแอลจีเรีย-โมร็อกโก วัย 17 ปี จนยิงเสียชีวิตระหว่างถูกเรียกหยุดรถเพื่อตรวจสอบในย่าน นองแตร์ ชานกรุงปารีส เมื่อวันอังคารที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจกว่า 45,000 นาย พร้อมด้วยรถหุ้มเกราะจำนวนมากถูกส่งไปประจำการในพื้นที่เกิดการจลาจลรุนแรงที่ลุกลามไป ทั่วประเทศ รวมถึงเมืองใหญ่หลายเมือง รวมถึงเมืองมาร์กเซย ลียง ตูลูส สตราสบูร์ก ลีลล์ และกรุงปารีส มีรถยนต์และรถบัสถูกเผามากกว่า 2,000 คัน ร้านค้าถูกปล้นสะดม และ ถือเป็นวิกฤตความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดของรัฐบาลประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง นับตั้งแต่การประท้วงยืดเยื้อของกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลืองเมื่อปี 2561

ด้านนายเจอราลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในหรือมหาดไทยของฝรั่งเศส แถลงเมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่นว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. ราว 270 คน และตั้งแต่เกิดการประท้วงมีผู้ชุมนุมถูกจับแล้วเกือบ 1,900 คน วันเดียวกันมีการรวมตัวประท้วงอย่างกะทันหันในพื้นที่จัตุรัสคงคอร์ดหรือปลาซเดอลา กงกอร์ด ในกรุงปารีส ส่งผลให้ตำรวจต้องนำกำลังสลายการชุมนุม นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 200 นายได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เหตุความไม่สงบปะทุขึ้น

ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่คลิปบนโลกออนไลน์ซึ่งแสดงให้เห็นการระเบิดที่บริเวณท่าเรือเก่าในเมืองมาร์กเซย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเร่งสอบสวน และคาดว่าไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนในย่านใจกลางเมืองมีเหตุผู้ประท้วงปล้นร้านขายปืนและขโมยปืนไรเฟิลล่าสัตว์ไป บางส่วน อย่างไรก็ตาม ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งพร้อมปืนไรเฟิลที่น่าจะมาจากร้านค้าดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าคุ้มกันแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน