สรรพสามิตจ่อเลิกลดภาษีอุ้มดีเซล หลังสูญ 1.58 แสนล้านบาทห่วงฐานะการคลังสะดุด โยนพลังงานใช้กองทุนน้ำมันรับหน้า พร้อมชงแพ็กเกจรีดภาษีเค็ม-บุหรี่ไฟฟ้ารัฐบาลใหม่ทันที

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจะหมดอายุใน วันที่ 20 ก.ค.2566 จากสถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำมัน ในตลาดโลกปริ่มปรับลดลง เหลือเฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล ทำให้แรงกดดันที่จะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคน้อยลงแล้ว ดังนั้น การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ลดลงมา 5 บาทต่อลิตร จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือเดียว ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน ซึ่งจากการลดภาษีมาปีกว่า รัฐมีต้นทุนไปประมาณ 1.58 แสนล้านบาท

ดังนั้น จะต้องกลับไปคุยกับกระทรวงพลังงานเพื่อหาแนวทาง ดูแลราคาน้ำมันไม่ได้กระทบประชาชน ซึ่ง ไม่ได้มีเครื่องมือภาษีอย่างเดียว ยังมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เหมือนเป็นกระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา ที่ขณะนี้ฐานะของกองทุนน้ำมันดีขึ้นแล้ว เพราะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ต้องใช้อำนาจที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ต้องไปดูข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่อำนาจการใช้กองทุนน้ำมัน สามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องเสนอเข้า ครม.

“ผลการศึกษาจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และ ทีดีอาร์ไอ มองว่าจำเป็นต้องรักษาความมั่นคงฐานะการคลังไว้ อาจจะต้องไปทำเป็นนโยบายเฉพาะกลุ่ม (Target Policy) ดีกว่า ซึ่งกลไกการรักษาเสถียรภาพราคาดีเซล ยังมีกลไกที่เคยใช้คือ กองทุนน้ำมันฯ ก็กำลังดูข้อจำกัดทางกฎหมายว่าจะลดภาษีได้หรือไม่ ซึ่งถ้าทำไม่ได้ ก็อาจจะต้องกลับไปใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ”

นายเอกนิติกล่าวว่า กรมจะมีการเสนอแพ็กเกจภาษีเสนอต่อรัฐบาลใหม่ เช่น ภาษีความเค็ม เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน รวมทั้งภาษีบุหรี่ไฟฟ้า ที่ยังติดขัดกฎหมายกรมศุลกากร ห้ามนำเข้า และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ที่ต้องรอดูนโยบายในภาพใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข หากรัฐบาลเห็นชอบก็พร้อมนำเข้าพิกัดภาษีสรรพสามิตทันที

นอกจากนี้ จะเสนอให้มีการลดจัดเก็บภาษีแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันเก็บในอัตรา 8% แต่หากผู้ผลิตสามารถคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และทำระบบติดตาม (Tracking) ก็จะลดภาษีให้ รวมทั้งภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สำหรับเครื่องบินไอพ่น (น้ำมันเจ็ต) ที่จะไม่ลดภาษีน้ำมันเจ็ตทั่วไป แต่จะลดภาษีน้ำมันไบโอเจ็ตแทน โดยอยู่ระหว่างกำหนดเงื่อนไขปริมาณการใช้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน