แล้วคดี 99 ศพจากเมื่อปี 2553 ก็หวนกลับมาเป็น “ประเด็น” แหลมคมทางการเมือง

ไม่เพียงเพราะคำพิพากษาจำคุก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเวลา 2 ปีโดยมิได้มีการรอลงอาญา ต้องถูกคุมตัวเข้าเรือนจำสถานเดียวเท่านั้น

หากแต่ยังมีการเคลื่อนไหวของครอบครัวผู้สูญเสียจากกรณี 99 ศพ

ขณะเดียวกัน ยังมีการเคลื่อนประสานอย่างฉับพลันทันใดจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตเลขาธิการ นปช.อย่างมีลักษณะกัมมันต์เป็นอย่างสูง

เมื่องานมาถึงมือ “พี่เต้น” ก็จำเป็นต้อง “ติดตาม”

การดำรงอยู่ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สัมพันธ์และยึดโยงกับหลายกลุ่มหลายฝ่าย

โดยวาสนาเก่าแก่ย่อมเป็นการดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “เลขาธิการ” นปช.ไม่ว่าตัวประธาน นปช.จะเปลี่ยนเป็นคนแล้วคนเล่าก็ตาม

นี่ย่อมเป็นความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับ “คนเสื้อแดง”

ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย และล่าสุดก็ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการ “ครอบครัวเพื่อไทย”

ยิ่งกว่านั้น ยังมีสัมพันธ์อันดีกับ “คนรุ่นใหม่”

สายสัมพันธ์กับ “คนรุ่นใหม่” ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กว้างขวางและใหญ่โต

ไม่เพียงแต่แนบแน่นอยู่กับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หากแต่ยังพูดจาแลกเปลี่ยนกับ นายอานนท์ นำภา มาได้อย่างยาวนานกับ นายรังสิมันต์ โรม ก็ไม่เคยเหินห่าง จางจาก

จึงมิได้เป็นเรื่องยากเลยหาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะสามารถต่อสายไปยัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน แห่งพรรคก้าวไกล

อันเท่ากับเชื่อมพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยเข้า ด้วยกัน

จังหวะก้าวอันมีพื้นฐานจากคดี 99 ศพ จึงเป็นเงื่อนไขอันเหมาะสมในทางการเมือง

ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมองผ่านเครือข่ายและสายสัมพันธ์ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

นี่ย่อมเป็นภารกิจอันชอบธรรม เดินหน้าได้อย่างเปี่ยมด้วยกัมมันต์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน