เปิดตัวกันมาพักใหญ่แล้ว สำหรับเจ้าฮอนด้าดับเบิลยูอาร์-วี รถยนต์อเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงรูปลักษณ์ที่สวยงาม โฉบเฉี่ยว

แต่ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ เพิ่งมีโอกาสได้ขอยืมมาทดสอบ แน่นอนว่าเน้นขับแบบใช้งานจริง ทั้งในเมืองที่รถติดแสนสาหัส นอกเมืองทำความเร็วสูง เพื่อนำข้อมูลมาให้แฟนานุแฟนได้รับทราบโดยทั่วกัน

นัดรับรถสายๆ วันธรรมดา ที่ศูนย์ส่งมอบรถใหม่ ย่านมีนบุรี ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ตัวท็อป รุ่น RS จอดรออยู่แล้ว

เข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ สัมผัสแรกคือ พนักเบาะนั่งโค้งนูนเล็กน้อย เพื่อลดความเมื่อยล้า แต่ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะสร้างความคุ้นชิน

ดีไซน์เรียบง่าย แต่แฝงความสปอร์ต ด้วยการตกแต่งสีแดงที่ คอนโซลหน้า แผงประตู เดินด้ายแดงที่พวงมาลัย และเบาะนั่ง

แอร์อัตโนมัติ ใช้งานง่าย และมีปุ่มคูลแม็กซ์ ทำงานเต็มกำลังทันทีที่เปิด ไม่ต้องปรับปุ่มให้วุ่นวาย เพื่อให้ภายในห้องโดยสารเย็นเร็วขึ้น

เอาใจคุณสาวๆ ด้วยกระจก พร้อมไฟ หลังที่บังแดดทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

มุ่งหน้าเข้าเมืองใช้ถ.รามอินทรา ที่แม้รถไฟฟ้าใกล้เสร็จ เริ่มคืนพื้นที่ถนนบ้างแล้ว แต่ก็มีทางเบี่ยงเป็นระยะๆ

ทำให้ต้องหลบหลีกซ้าย-ขวากันอยู่เนืองๆ ดีว่าเจ้าฮอนด้า ดับเบิลยู อาร์-วี มีความคล่องตัว จากรูปร่างที่ค่อนไปทางกะทัดรัด

ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับ เกียร์อัตโนมัติ CVT

ตีนต้นไม่ได้จี๊ดจ๊าดถึงกับหลังติดเบาะ แต่ก็ยังพอให้การออกตัวและเร่งแซงไหลลื่น ประกอบกับตัวรถที่สูง ตามแบบฉบับรถครอสโอเวอร์ ช่วยให้ประเมินสถานการณ์และช่องทางที่ควรไปได้อย่างแม่นยำโดยเฉพาะการขับในเมืองที่เพื่อนร่วมทางหนาตา

หันหัวออกนอกเมือง มุ่งหน้าสู่จ.ลพบุรี วิ่งสายเอเชีย ทำความเร็วตามกฎหมายกำหนด เลนกลางไม่เกิน 100 ก.ม.ต่อช.ม. ไต่ความเร็วขึ้นไปได้อย่างไม่มีเหนื่อยไม่มีท้อ

ขยับมาวิ่งเลนขวาสุด กดคันเร่งเพิ่มขึ้น เพราะวิ่งได้ ไม่เกิน 120 ก.ม.ต่อช.ม. แต่มีบางครั้งที่เผลอจัดไปถึง 140 ก.ม.ต่อช.ม.กันเลยทีเดียว แม้ช่วงล่างจะยังค่อนข้างนิ่ง แต่เสียงเครื่องยนต์และเสียงลมเข้ามาในห้องโดยสารพอสมควร

ช่วงความเร็ว 90-110 ก.ม.ต่อช.ม.ไม่ได้ ช้าเกินไป เสียงเงียบ ช่วงล่างนิ่งกริบ แถมยังได้ความประหยัดอยู่พอประมาณ เหมาะกับบุคลิกรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว

จังหวะเข้าโค้งบนความเร็วมากกว่าที่ควร ประคองพวงมาลัยให้แน่นขึ้นอีกนิดเพื่อเพิ่มความมั่นใจ แม้จะแทบไม่มีอาการหน้าดื้อท้ายดิ้นก็ตาม ขณะที่การเปลี่ยนเลนกะทันหันมีแรงเหวี่ยงอยู่บ้างเบาๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจกับรถที่มีความสูงขนาดนี้

ระบบความปลอดภัยติดตั้งฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ที่สัมผัสได้บ่อยสุดคือ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ มีเสียงเตือนพร้อมหน่วงพวงมาลัยให้อยู่ในเลน

ขับกันจนมืดค่ำ ไฟหน้าอัตโนมัติเปิดขึ้นในทันที ลองใช้งานระบบไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ด้วยการกะพริบไฟ 1 ครั้ง สัญลักษณ์อัตโนมัติแสดงขึ้นที่หน้าจอ

ต้องบอกว่าเป็นไฟสูง-ต่ำที่ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะถนนที่มีต้นไม้บริเวณเกาะกลาง ไฟรถที่วิ่งสวนมาเป็น ระยะๆ ทำให้ไฟสูง ติดดับ ติดดับแทบจะตลอดเวลา อันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดไฟขาดง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้กับถนนที่มีรถมากนักจะดีกว่า

ดีไซน์ภายนอก โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต กระจังหน้าโครเมียมติดสัญลักษณ์ RS ไฟหน้า และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED มาพร้อมไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว LED sequential

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับ พับไฟฟ้า และพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถเสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

เสียงเตือนน้ำมันใกล้หมดถังดังขึ้น เหลือบดูระยะทางที่วิ่งไป 426.7 ก.ม. และยังเหลือ วิ่งได้อีก 30 ก.ม. ขณะที่อัตราสิ้นเปลือง อยู่ที่ 15.9 ก.ม.ต่อลิตร ใกล้เคียงกับสเป๊ก ที่แจ้งอัตราสิ้นเปลืองไว้ 16.7 ก.ม.ต่อลิตร ขณะที่เป็นการใช้งานจริงจังทั้งในเมือง นอกเมือง

สำหรับค่าตัวของเจ้าฮอนด้า ดับเบิลยู อาร์-วี ตัวท็อปรุ่น RS อยู่ที่ 869,000 บาท ส่วนตัวเริ่มต้น รุ่น SV อยู่ที่ 799,000 บาท แวะไปลองชมและทดลองว่ารุ่นไหนจะถูกใจมากกว่ากันที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน