เมื่อ 26 ก.ค. เอเอฟพีรายงานว่า นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อายุ 70 ปี ประกาศเตรียมลาออกจากตำแหน่งเพื่อยกเก้าอี้ผู้นำประเทศให้กับนายฮุน มาเนต บุตรชายคนโต หลังนายฮุนเซนดำรงตำแหน่งนายกฯ ปกครองกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2528 นานเกือบ 4 ทศวรรษ กลายเป็น หนึ่งในผู้นำประเทศที่ดำรงตำแหน่งติดต่อกันยาวนานที่สุดในโลก

การประกาศลาออกจากตำแหน่งของนายฮุนเซนเกิดขึ้นหลังพรรคประชาชนกัมพูชา หรือซีพีพี คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างถล่มทลาย ได้คะแนนเสียงถึงร้อยละ 82 จากผู้มาลงคะแนนทั้งหมด ขณะที่จำนวนผู้มาลงคะแนนนั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึงร้อยละ 84.6 ซึ่งทางการกัมพูชากล่าวชื่นชมว่าสะท้อนถึงความ เบ่งบานทางประชาธิปไตยในหมู่ประชาชนชาวกัมพูชา

รายงานระบุว่า ฮุนเซนเป็นอดีตทหารของกองกำลังเขมรแดง เปิดทางให้ทุนจีนไหลเข้าสู่กัมพูชาและปกครองกัมพูชาผ่านการเลือกตั้ง ด้วยการกำจัดศัตรูทางการเมืองและพรรคฝ่ายค้าน ส่งผลให้ต้องมีผู้ลี้ภัย พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกสั่งยุบ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกขัดขวาง เช่น พรรคแสงเทียนที่เป็นคู่แข่งถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้งเพราะขาดคุณสมบัติ

อย่างไรก็ดี ฮุนเซนไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะวางมือทางการเมือง โดยฮุนเซนยังต้องการใช้อิทธิพลเข้ามามีส่วนในทางการเมืองต่อไป ท่ามกลางเสียงประณามจากสหภาพยุโรป หรืออียู และทางการสหรัฐอเมริกา ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นขาดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ขณะที่นักวิชาการบางส่วนเทียบการสืบทอดอำนาจของผู้นำกัมพูชาว่าเป็นแบบเดียวกันกับเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ระบุว่า กัมพูชามีดัชนีความโปร่งใสอยู่ที่อันดับ 150 จากทั้งหมด 180 ชาติ โดยในเอเชียนั้นมีเพียง 3 ประเทศที่อยู่ในอันดับต่ำกว่ากัมพูชา ได้แก่ เมียนมา (พม่า) อันดับที่ 157 และเกาหลีเหนืออันดับที่ 171 ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 101

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน