การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศเป้าหมาย ปี 2566 ต้องมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 2.38 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.5 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 25-30 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย 8.8 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวจำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง

ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กระทบการส่งออกสินค้าและบริการของไทย ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง แนวโน้มดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้ภาค ครัวเรือนสูงขึ้น อีกทั้งปัญหาการเมืองที่ต้องลุ้นการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะเสร็จเมื่อไหร่?

ทำให้มองอนาคตเศรษฐกิจไทยไม่ชัดเจน เห็นเพียงภาค ท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะโอบอุ้มเศรษฐกิจ ให้เดินต่อได้

ททท. ร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เดินหน้าจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest 2023” ด้วยการนำ ซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย นำเสนอภาพจำใหม่ของการ ท่องเที่ยวไทยที่ทรงคุณค่าและยั่งยืนต่อนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อมุ่งกระตุ้นการเดินทาง ให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ปักธง 4 ตลาดใหญ่ ได้แก่ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, นครบาร์เซโลนา ประเทศสเปน, นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น และนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

เมื่อวันที่ 21-23 ก.ค. 2566 ททท.นำขุนพลด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอัครพงศ์ เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. และนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.

ร่วมจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Osaka” ณ ศูนย์การค้า Abeno Q’s Mall นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ

โดยนายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไทยขาดดุลท่องเที่ยวให้กับญี่ปุ่น หลังจากในอดีตไทยเกินดุล มาตลอด โดย 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2566 นักท่องเที่ยวไทยได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น 497,700 คน มากกว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวไทย 326,347 คน ททท.ต้องไปค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับเร่งหาทางส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ให้มาเที่ยวประเทศไทยให้เพิ่มขึ้น

“ททท.สำรวจสาเหตุพบเกิดจากมาตรการโควิดของญี่ปุ่นที่ เข้มงวด และเพิ่งมีการยกเลิกมาตรการลงไป ที่ทำให้คนญี่ปุ่นลังเลที่จะเดินทาง และปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้เงินเยนอ่อนค่า ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาหลักที่กระทบการตัดสินใจในการเดินทางของ คนญี่ปุ่น ดังนั้นปีนี้ไทยยังคงขาดดุลให้ญี่ปุ่นในเรื่องของการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย เพราะคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมากกว่าที่ญี่ปุ่นเที่ยวไทย”

นายยุทธศักดิ์กล่าวย้ำถึงการจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Osaka” ว่า เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของประเทศไทยในปีท่องเที่ยวไทย 2566 โดย ททท. ยังคงมุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) อย่างต่อเนื่อง ผ่าน Soft Power ไทยให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์จริงอย่างใกล้ชิดกับบรรยากาศ

และกิจกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน ทั้งกิจกรรมการแสดงและการสาธิต ศิลปวัฒนธรรมไทย การออกร้านจำหน่ายอาหารไทย รวมถึงสินค้าและบริการต่างๆ ของไทยที่สอดคล้องกับความนิยมในตลาดญี่ปุ่น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความต้องการเดินทางของชาวญี่ปุ่นให้เกิดการตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้

รวมถึงยังเป็นการสื่อสารสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและความ เชื่อมั่นแก่กลุ่มพันธมิตร สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยว ถึงความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับกิจกรรมภายในงานได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยด้วยกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานในบรรยากาศงานวัดและเทศกาลที่สอดคล้องกับฤดูกาลต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยว

พร้อมปลุกพลังการท่องเที่ยวด้วยซอฟต์ เพาเวอร์ 5F ได้แก่ Food : อาหาร, Film : ภาพยนตร์, Fashion : การออกแบบแฟชั่นไทย, Fight : ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ Festival : เทศกาลประเพณีไทย โดยนำดารานักแสดงซีรีส์วาย หรือ Boys Love ฟอส-จิรัชพงศ์ ศรีแสง และ บุ๊ค-กษิดิ์เดช ปลูกผล ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชม ชาวญี่ปุ่น มาร่วมงานได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีแฟนคลับชาวญี่ปุ่นได้กางร่มกลางแดดต่อแถวเพื่อรับบัตรคิวทั้งๆ ที่งานจัดขึ้นในช่วงเย็น

ส่วนบรรยากาศในงานจัดเแบบงานวัดและเทศกาลที่สอดคล้องกับฤดูกาลต่างๆ ของประเทศไทย ได้แก่ ฤดูร้อน-เทศกาลสงกรานต์ ฤดูฝน-ประเพณีที่เกี่ยวกับข้าว และฤดูหนาว-เทศกาลลอยกระทง โดยไฮไลต์สำคัญคือ กิจกรรมสาธิตการทำโรตีสายไหมจากร้าน “โรตีสายไหมแม่ป้อม-ร้านแม่” ต้นตำรับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลิน ไกด์ ประจำปี 2022-2023 ซึ่งคนญี่ปุ่นจะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดที่เขาชื่นชอบด้วย

ตลอดจนนำเสนอแม่ไม้มวยไทยสุดยอดศิลปะการต่อสู้ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ชวนผู้เข้าร่วมงานแต่งชุดไทย ถ่ายภาพ พร้อมนิทรรศการเกี่ยวกับชุดไทยในยุคสมัยต่างๆ และการแสดงทางวัฒนธรรม ที่สื่อถึงเทศกาลประเพณีในภูมิภาคต่างๆ อาทิ การแสดงชุดเทศกาลสงกรานต์ไทยสี่ภาค

การแสดงชุดรำขวัญข้าวสี่ภาค การแสดงชุดลอยกระทงสี่ภาค กิจกรรมเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานรำวงสนุกสนานแบบไทย รวมถึงกิจกรรม Workshop/ DIY ประดิษฐ์กระทง และกิจกรรมสานปลาตะเพียนจากใบลาน และลงสี ทั้งหมดนี้เพื่อกระตุ้นให้ชาวญี่ปุ่นตัดสินใจเดินทางไปเที่ยว

สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ซึ่งเป็นสมาคมของบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดทัวร์เอาต์บาวด์ (Outbound) พาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีชาวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น แตะ 1 ล้านคน โดยต้องลุ้นช่วงเทศกาลโอบ้ง ส่วนใหญ่จะจัด ในช่วงเดือนส.ค.ของทุกปี

ด้านรายงานจาก “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น” (JNTO) ระบุถึงสถิติเมื่อปี 2562 ว่า จากจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น 31,880,000 คน เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 1,319,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 4.1% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินเข้าประเทศญี่ปุ่น มากเป็นอันดับ 6

รองจากเกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และสหรัฐ โดยถือเป็นอันดับ 1 ของตลาดอาเซียนเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศเดียว ในภูมิภาคนี้ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน

ดังนั้น ททท. เตรียมต่อยอดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Osaka” ด้วยการนำสื่อมวลชน influencers bloggers จากประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ เพชรบุรี และสมุทรสงคราม

ในกิจกรรม “From Amazing Thailand Fest to Fam Trip” ช่วงเดือนส.ค.นี้

หวังดึงคนญี่ปุ่นเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ลดขาดดุล!

พัทธ์ธีรา วงษ์อัศวกรณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน