ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาเตือนระวังภัยโจรไซเบอร์ เนื่องจากปัจจุบัน “อินเตอร์เน็ต” กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำเนินชีวิตของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการ แพร่ระบาดรุนแรงของโควิด-19 ที่ประชาชนปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต
โดยทำกิจกรรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ทั้งการติดต่อสื่อสาร การทำงานทางไกล การประชุม/สัมมนาออนไลน์ การเรียนออนไลน์ การรับตรวจวินิจฉัย และรับคำปรึกษาจากแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเกี่ยวกับอาการป่วยเบื้องต้นผ่านระบบออนไลน์ การซื้อขายหรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์
ณ ช่วงต้นปี 2566 ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสูงถึง 61.21 ล้านคน หรือ 85.3% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 64.4% และคนไทยใช้เวลาในระบบอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยคนละ 7 ชั่วโมง 4 นาทีต่อวัน
ถือว่าคนไทยใช้เวลาบนโลกอินเตอร์เน็ตสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก และมีการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือมากขึ้น หรือสามารถเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ตได้รวดเร็วเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ขณะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์รุนแรงขึ้น เสมือนเปิดประตูหน้าหาข้อมูลและโอกาส แต่หากขาดความระมัดระวังก็เสมือนเปิดประตูหลังต้อนรับโจร
โดยมูลค่าความเสียหายจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั่วโลก มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2566 มูลค่าความเสียหายจะสูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะ เพิ่มขึ้นเป็น 10.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568
ในประเทศไทยมีภัยคุกคามของอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพิ่มมากขึ้น จากการรับแจ้งความออนไลน์ในช่วง 1 ปีที่เปิดให้บริการ พบว่ามีคดี 218,210 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 31,579 ล้านบาท หรือ 85 ล้านบาทต่อวัน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเสียหายในระดับบุคคลในคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คดีเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านทางออนไลน์แต่ไม่ได้รับสินค้า การปล่อยกู้นอกระบบผ่านแอพพลิเคชั่น การหลอกลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ เป็นต้น
ทุกภาคส่วนควรตระหนักถึงภัยคุกคามและร่วมมือกันป้องกัน ร่วมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) โดยตระหนักถึงภัย ระวังตัว ไม่ชัวร์ ไม่ Click ไม่แชร์ และทุกคน ควรตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “ไม่มีการลงทุนใดให้ผลตอบแทนเกินจริงหรือการลงทุนที่มีการรับประกันผลตอบแทน”
ดังนั้น อย่าหลงเชื่อ ให้ตั้งสติ ตรวจสอบข้อมูลก่อน อย่ารีบร้อนเร่งลงทุนตามการเร่งให้ลงทุนหรือเร่งให้ทำธุรกรรม
