ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาเพิกถอน ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการแอชตัน อโศก ในซอยสุขุมวิท 21 เนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อกำหนด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษา กทม.ทำตามคำพิพากษาของศาล โดยกทม.มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 มาตรา ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 หมวด 4 อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ได้แก่

1.มาตรา 40 ในกรณีที่มีการก่อสร้างดัดแปลงรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพ.ร.บ.นี้ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารผู้ควบคุมงานผู้ดำเนินการลูกจ้างหรือบริวารของบุคคลดังกล่าวระงับการกระทำดังกล่าว

2.มาตรา 41 ถ้าการกระทำตามมาตรา 40 เป็นกรณีที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ ให้เจ้าพนักงาน ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายเวลาดังกล่าวออกไปอีกก็ได้ และให้นำมาตรา 27 มาใช้บังคับโดยอนุโลม และ 3.มาตรา 42 ถ้าการกระทำตามมาตรา 40 เป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้รื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด

นายวิศณุกล่าวว่า สำนักการโยธา (สนย.) จะทำหนังสือแจ้งสำนักงานเขตวัฒนา พิจารณาออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร

“แม้จะมีคำพิพากษาการเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้างดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าอาคารชุด แอชตัน อโศก จะต้องรื้อถอนอาคาร แต่บริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการสามารถยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้ที่ สนย. โดยต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่ศาลสั่ง ทั้งการเพิ่มทางเข้า-ออกโครงการให้มีความกว้างของถนน 12 เมตร และอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง 18 เมตร แต่หากบริษัทเจ้าของโครงการไม่สามารถทำตามมาตรา 41 ได้ ต้องดำเนินการตามมาตรา 42 อย่างไรก็ตาม กทม.จะแถลงข่าว เพื่อชี้แจงรายละเอียดการดำเนินการตามคำพิพากษาของ ศาลปกครอง ในวันที่ 3 ส.ค.นี้” นายวิศณุกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน