ยังคงเป็นคดีที่รอการคลี่คลาย สำหรับกรณีกะเทยหนุ่มบุกลักตัวทารก วัย 2 วันหายออกจากโรงพยาบาลบางเลน จ.นครปฐม

ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของทารกน้อย ต้องติดตามดูอาการกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

หน้าห้องคลอด

 

และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบกับข้อพิรุธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภูมิลำเนาที่มีบ้านพักอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านน้องต่อ เด็กวัย 8 เดือนที่หายตัวไป ซึ่งเป็นคดีดังเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมา โดยแม้ว่า ‘นิ่ม’ แม่ของน้องต่อ จะยอมรับว่าทำพลัดตก จนเสียชีวิต ก่อนกลัวความผิดนำไปทิ้งน้ำ แต่สุดท้ายไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่าง

แถมยังพบอีกว่าผู้ต้องหาในคดีลักเด็ก 2 วัน ได้เปิดบัญชีธนาคารไว้จำนวนมาก แถมมีเงินโอนเข้าเป็นงวดๆ กว่า 1.6 แสนบาท อีกทั้งในโทรศัพท์มือถือก็ยังพบรูปเด็กจำนวนมาก

วิพากษ์วิจารณ์กันถึงขั้นเชื่อมโยงแก๊งค้ามนุษย์

การตรวจสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่างจึงเป็นเรื่องจำเป็น

ต้องให้สิ้นสงสัย โดยยึดพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

ทำแผน

 

บุกลักทารก 2 วันจากร.พ.

เหตุการณ์ลักเด็กออกจากโรงพยาบาลนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยสภ.บางเลน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุทารกแรกเกิดถูกลักขโมยหายไปจากร.พ.บางเลน จึงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นด.ช.อายุเพียง 2 วัน เกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2566 น้ำหนักแรกคลอด 3 กิโลกรัม สุขภาพแข็งแรง เป็นบุตรของน.ส.ยุพารัตน์ เทศนาม อายุ 26 ปี ชาวอ.บางเลน

โดยน.ส.ยุพารัตน์ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณตีสามของวันที่ 13 ส.ค. นอนให้นมบุตรอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ก่อนเผลอหลับไปในช่วงเวลา 04.00 น. พอตื่นขึ้นมาไม่พบลูก ตอนแรกเข้าใจว่าพยาบาลอุ้มไปไว้ที่ห้องเด็กแรกคลอด แต่เมื่อสอบถาม พยาบาลบอกว่าไม่ได้อุ้มไป เมื่อหาโดยรอบไม่พบ และคนไข้เตียงข้างๆ ระบุว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาอุ้มเด็กไป คิดว่าเป็นญาติกันเลยไม่ได้บอก

เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบจากวงจรปิด พบชายต้องสงสัยเข้ามาอุ้มเด็กใส่ถุงผ้าออกไป เช็กภาพด้านนอกโรงพยาบาล พบว่านำถุงผ้าที่คิดว่ามีทารกวัย 2 วันอยู่ในนั้นห้อยแฮนด์จักรยานยนต์ขี่ออกไป จึงเร่งตรวจสอบหาเบาะแสชายคนดังกล่าว

ขณะที่แม่เด็กก็ใช้ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียโพสต์ตามหาลูกใน เฟซบุ๊ก จนกระทั่งเวลา 11.00 น. มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเข้ามาว่ามีชายลักษณะเหมือนกับในวงจรปิด อยู่บ้านในพื้นที่หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม จึงประสานให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ก็พบเด็กทารกคนดังกล่าวอยู่ในบ้าน จึงควบคุมตัวนายนันทจักษ์ ศิลป์ประเสริฐ อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุลักทารกคนดังกล่าวออกจากโรงพยาบาลมาสอบสวน

โดยเจ้าตัวให้การวกวน ไม่เหมือนกัน โดยบางครั้งระบุว่า คิดว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกของแฟนเก่าที่เป็นผู้ชายและเลิกรากันไปก่อนหน้านี้ ที่มีกับแฟนใหม่ จึงต้องการแก้แค้น บุกห้องคลอดชิงตัวเด็กมา แต่บางครั้งก็บอกว่า อยากมีลูก จึงเข้าไปลักเด็กมาเพื่อจะไปเลี้ยง

ขณะที่แม่ของผู้ก่อเหตุระบุว่า วันเกิดเหตุมีคนโทรศัพท์มา สอบถามว่ามีข่าวออกเรื่องการลักเด็กออกจากโรงพยาบาล โดยภาพชายต้องสงสัยจากวงจรปิดเหมือนกับลูกชายตัวเอง จึงเข้าไปสอบถามลูกว่าทำจริงไหม ก็สารภาพว่าลักเด็กมาจริง โดยคิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดเดียว

เชื่อว่าที่ลูกก่อเหตุไปอาจเพราะความหลอน เนื่องจากชีวิต ล้มเหลว เลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชาย ก็เกิดอาการซึมเศร้า มีการดื่มแอลกอฮอล์ และเสพยาเสพติดเป็นบางครั้ง

ยืนยันครอบครัวไม่ได้รู้เห็นและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องขบวนการค้ามนุษย์

สอบเครียด

 

สอบบัญชี-พัวพันน้องต่อ

ขณะที่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าบ้านที่นาย นันทจักษ์อาศัยอยู่นั้นอยู่ตรงข้ามกับบ้านของน้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือน ที่หายตัวปริศนาและเป็นข่าวครึกโครมเมื่อช่วงเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยหลังจากสืบสวนสอบสวนนานนับเดือน ‘นิ่ม’ แม่ของน้องต่อ ก็ยอมรับว่าทำน้องต่อหล่นจนเสียชีวิต ก่อนนำร่างไปทิ้งคลองหลังบ้าน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่พยายามงมหาร่างก็ไม่พบ

จึงถูกนำมาเชื่อมโยงกับกรณีดังกล่าว กลายเป็นข้อสงสัยว่า นายนันทจักษ์เกี่ยวพันกับเรื่องนี้หรือไม่

นอกจากนี้ ยังพบพิรุธเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของนายนันทจักษ์ ที่เปิดไว้กว่า 10 บัญชี และมีเงินโอนเข้ามานับแสนบาท รวมทั้งอัลบั้มภาพในโทรศัพท์มือถือ ที่มีการบันทึกภาพเด็กไว้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งน้องต่อด้วย

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่เดินทางมาตรวจสอบคดีด้วยตนเอง เปิดเผยว่า สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน ติดตามบัญชีที่ผู้ต้องหาที่เปิดไว้มากกว่า 10 บัญชี และเร่งตรวจสอบ เส้นทางการเงิน เพราะในวันที่น้องต่อวัย 8 เดือน หายตัวไปคือ วันที่ 5 ก.พ. พบมีเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหาจำนวนมากถึง 60,000 บาท โดยโอนเข้ามาในบัญชีถึงสามครั้ง ยอดโอนครั้งละ 20,000 บาท

เมื่อสอบถามตัวผู้ต้องหาไม่สามารถตอบได้ถึงที่มาของเงิน ว่าเงินดังกล่าวมาจากไหน แต่เพื่อให้ความจริงปรากฏตำรวจจะสืบสวนต่อไปว่ามีการลักเด็กมากกว่านี้หรือไม่ พร้อมนำโทรศัพท์ไปกู้ข้อมูลทั้งหมด พบว่ามีภาพของเด็กจำนวนมาก รวมทั้งภาพของน้องต่อด้วย จึงจะเร่งตรวจสอบว่าเด็กคนอื่นๆ ในภาพมีตัวตนหรือไม่และยังอยู่รอดดีหรือไม่ และเกี่ยวพันข้องกับคดีลักเด็กหรือไม่

ทั้งนี้ ต้องรอผลตรวจของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภายในบ้านผู้ก่อเหตุ เช่น เส้นผม เส้นขน รวมถึงดีเอ็นเอต่างๆ จะพยายามเร่งให้เร็วที่สุด ขณะนี้ให้น้ำหนักไปในเรื่องของการลักเด็ก แต่ก็ต้องดูพฤติกรรมว่าทำประจำหรือไม่ มีความเชื่อมั่นว่ายอดเงินที่โอนเข้ามา 60,000 บาท มีความเกี่ยวพันกับเด็กแน่นอน

“ล่าสุดมีการตรวจสอบบัญชีพบว่ามีเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหา 100,000 บาท โอนห้าครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวหลังคดีน้องต่อหายตัวไป รวมเงินเข้าบัญชี 160,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นิ่ม แม่ของน้องต่อก็ยืนยันว่านายนันทจักษ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เคยเห็นหน้าเพราะมาซื้อเบียร์ หรือตะโกนสั่งให้เอาเบียร์ไปส่ง ไม่เคยมายุ่งกับน้องต่อ ส่วนคดีน้องต่ออยู่ในกระบวนการยุติธรรม ให้การไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ต้องรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการ

วงจรปิดมัด

 

ร.พ.เร่งมาตรการป้องกัน

โดยนายนันทจักษ์ชี้แจงว่า บัญชีที่เปิดไว้นั้น เป็นการเปิดพอร์ตเกี่ยวกับการลงทุนในสมัยที่ยังทำงานอยู่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการลักเด็กหรือค้ามนุษย์ ส่วนรูปเด็กที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์เป็นเพราะชอบเด็ก รูปน้องต่อที่มีก็เป็นรูปที่เซฟมาจากข่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ

ทั้งนี้ ระหว่างรอผลสืบสวนเพิ่มเติม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับนายนันทจักษ์ 4 ข้อหา คือ 1.ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ 2.บุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล 3.เสพยาเสพติด และ 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว

ขณะที่ทารกวัย 2 วัน ที่ช่วยเหลือออกมาได้นั้น พบว่ามีอาการสมองบวม ต้องเฝ้าดูแลใกล้ชิด และส่งตัวไปเฝ้าดูอาการที่ โรงพยาบาลนครปฐม

ขณะที่นพ.กมลลักษณ์ จินดาไตรรัตน์ ผอ.ร.พ.บางเลน อ.บางเลน ระบุว่า โรงพยาบาลขออภัยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันโรงพยาบาลมีมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่คาดว่าคนร้ายน่าจะเคยมาดูลาดเลาไว้ก่อนหน้านี้ จึงรู้ทาง หลบหลีกเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

หลังจากเกิดเหตุเด็กหาย ทางโรงพยาบาลแจ้งตำรวจ สภ.บางเลน ทันที และเร่งติดตามจากกล้องวงจรปิดจนสามารถจับตัวคนร้ายและเด็กมาได้ อาการของเด็กน้อยตอนนี้หลังจากผู้ต้องหาซื้อนมกล่องให้เด็กกินทำให้เด็กท้องเสีย ให้ยาฆ่าเชื้อ 5 วันและให้สารอาหารแบบน้ำ

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลพร้อมรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้ และติดตามอาการกันใกล้ชิดต่อเนื่องไปตลอดจนกว่าน้องจะหายดี

ซึ่งผลสแกนสมอง พบว่าเด็กมีเลือดคั่งในสมองบริเวณด้านท้ายศีรษะ มีเลือดไหลออกทั่วบริเวณด้านหลัง ซึ่งคาดว่าเกิดจากการกระแทกขณะที่นำเด็กใส่ถุง แขวนบนแฮนด์จักรยานยนต์ แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด ทั้งนี้ ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ยาที่เกี่ยวกับอาการชักด้วย และต้องติดตามอาการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็กในระยะยาว

เป็นเรื่องที่ต้องดูแลใกล้ชิดต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน