ฉากการเมืองถัดไปหลังได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทุกฝ่ายจับตาไปยังโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยแกนหลักรัฐบาล
ด้วยการเป็นรัฐบาลผสม 11 พรรค 314 เสียง เมื่อหารด้วยจำนวนรัฐมนตรี 35 ตำแหน่ง เฉลี่ยสัดส่วน สส. 9 คนต่อ 1 รัฐมนตรี จัดสรรได้ดังนี้
เพื่อไทย 141 ที่นั่ง ได้รัฐมนตรีว่าการ 8 กระทรวง รัฐมนตรีช่วยและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 9 ตำแหน่ง ภูมิใจไทย 71 ที่นั่ง ได้รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง
พลังประชารัฐ 40 ที่นั่ง ได้รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง รวมไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง ได้รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง ชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่งได้รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง ประชาชาติ 9 ที่นั่งได้รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง
โดยทั้งหมดยังไม่ระบุตัวบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่ง
พรรคเพื่อไทยระบุถึงหลักการแบ่งงานว่า ทุกพรรคบรรลุข้อตกลงนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ที่ดินทำกิน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 70 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ เพิ่มราคาพืชผลเกษตร
แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กัญชาทางการแพทย์ และสุขภาพ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติ มิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับ พระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ พรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วมให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกันเพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
โดยมีปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญลำดับแรกที่ต้องเร่งแก้ไข
รัฐบาลที่กำลังจัดตั้งขึ้นยอมรับว่า ปัจจุบันประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ หนี้สินครัวเรือน ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานาน จึงต้องแก้ไขเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง
กระนั้นก็ตาม แม้พรรคเพื่อไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากภาคนักธุรกิจการค้าการลงทุน เนื่องจากมีประสบการณ์ขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ และเคยพิสูจน์ให้เห็นในทุกครั้งที่ได้เป็นรัฐบาล
เพียงแต่ครั้งนี้สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ การที่พรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค แม้เบื้องต้นจะจัดสรรโควตาได้ลงตัวตามสูตรคณิตศาสตร์ แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ในขั้นตอนจัดวางตัวบุคคลลงในแต่ละตำแหน่ง
ที่จำเป็นต้องยึดเอาวาระประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่วาระของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น