น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีการปรับเพิ่มจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเป็น 8% ปี 2567 จากปัจจุบัน 5% ก่อนปรับเป็น 10% ปี 2568 นั้น มองว่าจะส่งผลดีต่อลูกหนี้ที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งการจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ จะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยการปรับ เพิ่มขั้นต่ำ แม้ลูกหนี้ต้องผ่อนชำระค่างวดมากขึ้น แต่สามารถนำ ค่างวดไปตัดชำระเงินต้นได้มากขึ้น จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและสามารถปิดจบหนี้ได้เร็ว

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2566 ธปท.ได้ให้สถาบันการเงินเร่งสื่อสารการปรับเกณฑ์จ่ายขั้นต่ำให้ลูกค้ารับทราบ และเตรียมแนวทางดูแล ลูกหนี้ที่ไม่สามารถปรับเพิ่มอัตราการจ่ายได้ เช่น การโอนเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นเทอมโลน หรือแบบมีระยะเวลา และกำหนดงวด การจ่ายให้สอดคล้องกับความสามารถชำระหนี้

อย่างไรก็ตาม จากประเมินเบื้องต้นมีลูกหนี้จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเกิน 10% มากกว่า 70-80% และมีส่วนน้อยจ่ายขั้นต่ำไม่เกิน 5% แต่เข้าใจบางคนไม่มีความสามารถจ่ายหนี้ได้จริง เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง และเศรษฐกิจฟื้นตัวจากรายได้ต่างประเทศเป็นหลัก มาตรการถึงเป็นแบบเจาะจง ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตยังไม่ยื่นเข้ามาพบเพื่อหารือการปรับจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตและการเพิ่มดอกเบี้ยบัตรเครดิตแต่อย่างใด

“มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมาตรการฟ้าส้ม ใกล้จบมาตรการในสิ้นปีนี้ แต่ในแต่ละสถาบันการเงินยังมีแนวทางดูแลลูกหนี้ และ ปรับโครงสร้างหนี้อยู่ มองว่าไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เอ็นพีแอลหรือหนี้เสียเพิ่มขึ้น ธปท.เน้นย้ำแก้หนี้ระยะยาวเรื่องให้สินเชื่ออย่าง รับผิดชอบจะเริ่มใช้ปี 2567 โดยสิ้นเดือน ส.ค.จะออกหลักเกณฑ์มา”

น.ส.สุวรรณีกล่าวว่า สรุปภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2/2566 สินเชื่อหดตัวเล็กน้อย 0.4% จากระยะเดียวกันปีก่อน จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ ด้านเอ็นพีแอลลดลงมาอยู่ที่ 4.92 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.67%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน