นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย
ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ด้วยคะแนนเสียง 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง
มีสมาชิกที่ร่วมประชุมทั้งสิ้น 728 คน จาก 748 คน ลาประชุม 1 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม รวมทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้วย
น่าสังเกตว่าคะแนนเสียงที่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐาท่วมท้นนั้น นอกจากพรรคร่วม 11 พรรคแล้ว
มาจากสว.จำนวนทั้งสิ้น 152 คนและสส.พรรคเล็ก
บิ๊กเซอร์ไพรส์ก็คือ 16 เสียงที่เติมมา เป็นสส.พรรคประชาธิปัตย์
เพราะก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์มีมติงดออกเสียง
เวลาโหวตจริง นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ไม่เห็นชอบ
มีสส.ที่เข้าประชุมและทำตามมติเพียง 6 คน (ไม่มาประชุม 1 คน) รวมนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคด้วย
ที่เหลือล้วนแหกมติทั้งสิ้น แม้นายชวนจะอ้างแจ้งที่ประชุมพรรคแล้ว
นายจุรินทร์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ แกนนำพรรค ยืนยันจะต้องเอาผิดผู้ที่โหวตสวนมติ โทษสูงสุดถึงขั้นขับออก
จากนี้ไป ต้องจับตาดูว่าพรรคเก่าแก่จะมีมาตรการลงโทษอย่างไร
จริงจังและเด็ดขาดไปตามข้อบังคับพรรคหรือไม่
ไหนๆ ก็ไหนๆ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ต้องฟังความนายหัวชวนด้วย
นายชวนระบุว่าการโหวตของตน มิใช่การขัดต่อมติพรรค เเต่เป็นการย้ำจุดยืน “ไม่ทรยศคนใต้”
เพราะพฤติการณ์ในอดีตรัฐบาล ยุคทักษิณ-ยิ่งลักษณ์นั้นเลือกปฏิบัติ ต่อภาคใต้ ละเมิดหลักนิติธรรม
รวมถึงการรณรงค์หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ก็หยิบยกประเด็นนี้มาพูด จนคนใต้ ไม่เลือกพรรคการเมืองของคนกลุ่มนี้ตลอดมา
“แต่ที่น่าตลก เพราะคนในกลุ่มนี้บางคนขู่ผมไว้ว่าตอนที่เขาจะไปร่วมว่าต้องทำตามมติพรรค หากใครไม่ทำตามมติพรรคต้องเอาออก วันนี้ผมไม่ได้ทำผิดมติพรรค เพราะขออนุญาตที่ประชุมพรรคแล้วว่าจะขอไม่โหวตให้ และพรรคก็ได้มีมติงดออกเสียง แต่วันนี้สิ่งนี้กลับย้อนไปที่ตัวเขาเองด้วยการขัดมติพรรคเสียเอง” นายชวนกล่าว
ฟังแล้วตัดสินด้วยวิจารณญาณเองเถิด!!
เภรี กุลาธรรม