จัดกันเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการขอบคุณสาวกที่หลงใหลและต้องการรับรู้สมรรถนะที่แท้จริงของรถยนต์ค่ายกังหันฟ้า-ขาว บีเอ็มดับเบิลยู จากเมืองไส้กรอก กับกิจกรรม “BMW Driving Challenge 2023” ซึ่งในปีนี้จัดกันกลางเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ใน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
มาดูกันว่างานนี้จะชาลเลนจ์ขนาดไหน เพราะบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จัดเต็มตั้งแต่รถรักษ์โลกตระกูล i หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport และ iX3 M Sport รวมถึง i4 eDrive35 M Sport1 บนบททดสอบสุดท้าทายว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
กับการขับแบบจิมคาน่า หรือการขับไปตามทางที่บังคับไว้ กับทำเวลาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบสลาลม การเปลี่ยนเลนกะทันหัน การเข้า โค้งลึก โค้งหักศอก ไปจนถึงการหยุดสนิทในพื้นที่ ที่กำหนด
ตัวรถบังคับไปยังทิศทางที่กำหนดได้อย่างคล่องมือ ด้วยพวงมาลัยที่คมกริบ การออกตัวที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำได้แบบไม่ต้องรอรอบ จี๊ดจ๊าดสะใจ ส่วนช่วงล่างสบายใจได้ หนึบหนับได้ใจ แม้ทีมงานจะดักด้วยโค้งแคบ แต่ก็ยังเอาอยู่
ขณะที่เจ้า 330e M Sport รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่จัดกันในสถานีแก้อาการ เมื่อรถหลุดโค้งบนทางเปียก
รอบแรกให้ปิดระบบ VSC (Vehicle Stability Control) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการทรงตัว ตัวรถหมุน 180 องศา แต่การแก้อาการกลับง่ายดาย
รอบที่ 2 เปิดระบบ VSC แล้วให้ขับในรูปแบบเดียวกัน คือหักพวงมาลัยจนสุด พร้อมกดคันเร่งให้มิด บนทางเปียก กำลังเตรียมจะแก้อาการ แต่ไม่ทัน เพราะระบบความปลอดภัยทุกอย่างเข้ามาจัดการให้ตัวรถตั้งตรง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของกิจกรรมครั้งนี้ คือ การขับรถตัวแรง ตระกูล M เต็มรอบสนามมาตรฐานระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่มีความยาวประมาณ 4.5 ก.ม. และมีทางโค้งทั้งหมด 12 โค้ง
งานนี้ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ สวมวิญญาณนักแข่ง เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของทั้ง เจ้า BMW M2 โฉมใหม่ และ BMW X4 M Competition ตัวตึงประจำค่ายกังหันฟ้าขาว
BMW M2 โฉมใหม่ ค่าตัวอยู่ที่ 6.499 ล้านบาท ซึ่งคันที่ทดสอบนี้ เคยเป็นรถเป็นเซฟตี้ คาร์ ขับนำบรรดานักบิดในรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ระดับโลก โมโต จีพี เมื่อปีที่แล้ว
M2 โฉมใหม่ ใช้ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ส่งพลังสูงสุด 460 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 2,650-5,870 รอบต่อนาที
ทำความเร็ว 0 ถึง 100 ก.ม.ต่อช.ม.ภายในเวลา 4.1 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 ก.ม. ต่อช.ม. ขับเคลื่อนล้อหลัง ร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ
รอบแรกดูไลน์และจังหวะที่ควรต้องเบรก และรูปแบบการเข้าโค้ง ว่าเป็นตรงไหนอย่างไร ความเร็วปานกลาง ขับตามๆ กันไป
รอบสองจัดเต็ม เข็มไมล์ไต่ความเร็วทางตรงก่อนเข้าโค้ง 1 ขึ้นไปถึง 207 ก.ม.ต่อช.ม. จากนั้นถอนคันเร่ง แล้วแตะเบรกก่อนตัดโค้งขวา ในรูปแบบการขับขี่ที่เรียกว่า เรซซิ่ง ไลน์
พอพ้นโค้งเติมคันเร่ง ชู้ตความเร็วขึ้นกลับขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เข้าโค้งซ้าย-ขวา โค้งรูปตัว S และโค้งหักศอก บนความเร็วร่วม 100 ก.ม.ต่อช.ม. จนครบรอบ
ใช้เวลาต่อรอบประมาณ 3 นาที แม้จะไม่ได้เร็วจี๊ดเหมือนนักแข่งตัวจริง แต่ด้วยมั่นใจสมรรถนะของเจ้า M2 โฉมใหม่ ทั้งความแรงของเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่เอาอยู่ เวลาขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา
มาต่อกันที่เจ้า BMW X4 M Competition ที่แม้จะเป็นรถแบบ SUV แต่ถือว่าเป็นตัวจี๊ดไม่แพ้ใครอีกรุ่นของค่ายนี้ กับค่าตัวที่ 8.799 ล้านบาท
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 2,993 ซีซี แรงจัดกับกำลัง 510 แรงม้า ทำให้การเร่งจาก 0-100 ก.ม.ต่อช.ม. ทำได้ในเวลา 4.0 วินาที ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ช่วยทั้งความ คล่องตัว และยึดเกาะถนน
M xDrive ทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ขณะที่ระบบเบรก BMW M Compound Brake หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
คราวนี้ไม่ต้องดูไลน์สนามกันแล้ว จัดเต็มกันไปเลย แม้จะเป็นรถ SUV แต่ความแรง และการทรงตัว ไม่ว่าจะบนย่านความเร็วสูง หรือการเข้าโค้ง ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่อย่างมาก
ตลอด 12 โค้ง ไม่มีอาการหน้าดื้อ ท้ายดิ้นให้ได้รู้สึกเลยสักนิด จบรอบทำเวลามากกว่า M2 โฉมใหม่ไปนิดหน่อย ไม่น่าแปลกใจ ก็ทั้งใหญ่และหนักกว่าอยู่มากโข
เป็นกิจกรรมที่ได้ทั้งความรู้ เพิ่มทักษะการขับขี่ แถมยังได้ซิ่งสุดใจอย่างปลอดภัย เพราะอยู่ในสนามแข่งระดับโลก
ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมสาวกค่ายกังหันฟ้าขาวถึงเทใจให้ จนยอดขายถล่มทลายอย่างที่เห็นทุกวันนี้
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
