การปรากฏชื่อ นายสุทิน คลังแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สร้างจุดตะลึง

เป็นความตะลึงเพราะตระหนักว่าพื้นฐานของ นาย สุทิน คลังแสง คือความเป็น “ครู” คือความเป็น “นักการศึกษา” มิใช่ “นักการทหาร”

ที่ว่าเพราะนามสกุล “คลังแสง” ก็เสมอเป็นเพียง “การล้อ”

กระนั้น ในท่ามกลางการเสนอชื่อ นายสุทิน คลังแสง เข้ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหากเป็น “การล้อ” ก็แฝงความแหลมคม

เนื่องจากเป็นการล้ออย่างจริงจัง มิได้ล้อกันเล่นเล่น

มีความจำเป็นต้องศึกษา “ผลสะเทือน” จากชื่อของ นายสุทิน คลังแสง ปรากฏ

ที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือ ได้มีการชูชื่อของนายทหารระดับ “พลเอก” เข้ามาเป็นคู่เปรียบเทียบอย่างคึกคัก แสดงคุณสมบัติที่เหนือกว่า เหมาะสมกว่า

ถามว่าในที่สุดแล้ว “ปฏิบัติการ” เช่นนั้นเป็นอย่างไร

ไม่เพียงแต่นายพลเอกคนหนึ่งจากพรรครวมไทยสร้างชาติผลักดันต้องถอย หากแต่นายพลเอกอีกคนหนึ่งต้องยื่น ใบลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ

การ “โยนหินถามทาง” ครั้งนี้จึงสำคัญ

หากมองผ่าน “36 กลยุทธ์แห่งชัยชนะ ในการสัประยุทธ์ทุกปริมณฑล” ก็จะประจักษ์

ประจักษ์ในกระบวนท่า “ปิดฟ้า ข้ามทะเล” ประจักษ์ในกระบวนท่า “ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม” ประจักษ์ในกระบวนท่า “ยืมทาง พรางกล”

คนที่อยู่ “เบื้องหลัง” ในทางความคิดมากด้วยความแยบยล

เป็นความแยบยลอันทำให้นำไปสู่กลยุทธ์ในแบบ “ล่อเสือออกจากถ้ำ” เป็นถ้ำที่ชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นถ้ำที่ชื่อพรรคพลังประชารัฐ

เกิดการเคลื่อนไหวจาก “ลุง ลุง” อย่างพร้อมเพรียง

กลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยจึงมิได้เป็นเพียง 1 กลยุทธ์ หากอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง

เป็นความอุดมสมบูรณ์ในท่วงทำนองของ “ยืมทาง พรางกล” เป็นท่วงทำนองในแบบ “โยนกระเบื้อง ล่อหยก” และก่อให้เกิด “ล่อเสือออกจากถ้ำ”

เพียงเห็นชื่อ “สุทิน” อันมาพร้อมกับ “คลังแสง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน