นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ณ วันที่ 7 ก.ย. 2566 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 43,223 ล้านลบ.ม. น้อยกว่าปีก่อน 6,020 ล้านลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 10,260 ล้านลบ.ม. น้อยกว่าปีก่อน 3,321 ล้านลบ.ม.

น้ำในปี 2566 น้อยกว่าปีก่อนมากจึงเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เร่งเก็บกักน้ำและสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และอื่นๆ

ทั้งนี้กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับสถานการณ์เอลนีโญที่อาจยาวไปจนถึงปีหน้า ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด สู่ 6 แนวทางปฏิบัติของกรมชลประทานอย่างเคร่งครัด พร้อมนำ 3 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 (เพิ่มเติม) ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ได้แก่ 1.จัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ 2.ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปี โดยทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการ 22 จังหวัด และ 3.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ อาทิ ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย

ส่วนมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกรได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทานในปี 2567 มีเป้าหมาย 90,000 คน ช่วยเหลือภัยแล้ง อาทิ การสูบน้ำช่วยเกษตรกร จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และการขุดลอกเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน