ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หลายพรรคการเมืองประกาศนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาในสมัยรัฐบาลชุดก่อน แต่ไม่คืบหน้าเห็นผลเป็นรูปธรรม
หลายพรรคเสนอยุบหน่วยงานพิเศษที่รับผิดชอบภารกิจดับไฟใต้ ทั้ง กอ.รมน. และศอ.บต. รวมถึงยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ ซึ่งประกาศต่อเนื่องมานานเกือบ 20 ปี
ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ประเด็นนโยบายสันติภาพชายแดนใต้ หนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติด้าน ความมั่นคง ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเขียนไว้แบบกว้าง ว่าจะปรับโครงสร้างหน่วยงานความมั่นคงให้ ทันสมัย สอดคล้องต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่
และเป็นกลไกสำคัญในการพิทักษ์เอกราช สร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในทุกพื้นที่ของประเทศ
รวมถึงรัฐบาลจะสนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐกับประชาชน และประชาชนกับประชาชนที่มีความแตกต่างทางความคิด ศาสนา และอุดมการณ์ ให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้หลักนิติธรรม
นอกจากพรรคก้าวไกลที่ได้อภิปรายท้วงติงการแถลงนโยบายของรัฐบาล ไม่มีการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้อันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำ ต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่ใส่ไว้ในนโยบายเร่งด่วน
พรรคเป็นธรรมโดย นายกัณวีร์ สืบแสง กล่าวถึงเรื่องสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนที่รัฐบาลควรยกให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับมีเนื้อหาเพียงย่อหน้าเดียวในการแถลงนโยบาย
หากรัฐบาลยึดมั่นข้อปฏิบัติเดิมๆ เหมือน 9 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินห้าแสนล้านบาทที่ ทุ่มลงไปในการสร้างสันติภาพก็จะเปล่าประโยชน์
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าว ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้หารือนอกรอบกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติที่มีสส.เขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มากถึง 7 คนจาก 13 คน และสส.บัญชีรายชื่ออีก 2 คน
ในการหารือพูดถึงการกำกับดูแล ศอ.บต. งานพัฒนาพื้นที่ งานความยุติธรรม งานพูดคุยเพื่อสันติสุขที่ต้องรื้อกระบวนการพูดคุยใหม่
การหาเลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ รื้อฟื้นสภาที่ปรึกษา ศอ.บต. ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำศาสนา คนพุทธ คนมุสลิม ภาคประชาชน เอ็นจีโอ และนักสิทธิมนุษยชน
ด้วยแนวนโยบายเหล่านี้ หลายคนเห็นว่า หากนายกฯ มอบหมายให้พ.ต.อ.ทวี กำกับดูแล ก็จะเป็นการมอบงานที่ “ถูกฝาถูกตัว” มีโอกาส มีความหวังในการดับไฟใต้ ที่ลุกโชนมาใกล้ครบ 20 ปี ให้เบาลงได้
