ก่อนที่ “ข่าวสด ยานยนต์” จะนำเจ้าฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ใหม่ รถซีดานหัวใจไฮบริด มาทดสอบ ทางค่ายฮอนด้าได้จัดทริป ทดสอบเล็กๆ กันไปแล้ว ในรูปแบบแข่งประหยัดน้ำมัน

ซึ่งไม่ค่อยตรงจริตตัวเองสักเท่าไหร่ จึงขอบายแล้วมายืมทดสอบส่วนตัวกันในวันนี้แทน

เข้าไปรับรถที่ศูนย์ส่งมอบรถใหม่ฝ่ายขายกลุ่มฮอนด้า ย่านมีนบุรี ได้รุ่นเริ่มต้น VS เดินดูรอบคันกันเสียเลย ภายนอกกันชนหน้า และหลังดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าโครเมียม

ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ไฟท้าย LED มือจับประตูด้านนอกโครเมียม ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ เสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในตกแต่งเน้นเรียบหรู สีดำ Piano Black เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ และหนังสังเคราะห์สีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบชะลอความเร็วที่หลังแป้นพวงมาลัย ตำแหน่งเดียวกับแพดเดิลชิฟต์ แต่ทำงานต่างกัน

หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต แบบไร้สาย เชื่อมต่อสมาร์ตโฟนด้วยบลูทูธ มีช่องแอร์สำหรับที่นั่งแถวหลัง พร้อมช่อง USB Type-C 2 ตำแหน่ง

สิ่งแรกที่สัมผัสและประทับใจ เมื่อกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ คือ ความเงียบของมอเตอร์ มีแทรกเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก เพราะเป็นการใช้กำลังจากมอเตอร์เพียงอย่างเดียว

หรือแม้แต่ตอนออกตัว ในช่วงที่เจอกับการจราจรหนาแน่น ตัวรถเคลื่อนออกไปอย่างนิ่มนวล รวมถึงเสียงที่เงียบ ช่วยลดความเครียด ยามที่ต้องติดอยู่บนถนนกับเพื่อนร่วมทางมากมาย

แต่จังหวะเร่งแซง เจ้าฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้ ผิดหวัง กระชากออกไปราวกับลูกธนูออกจากคันศร ทำให้การโยกซ้าย-แซงขวา ทำได้คล่องแคล่ว ช่วงแรกต้องแตะเบรกหนักอยู่เนืองๆ จนเริ่มรู้อารมณ์รถคราวนี้ไปต่อได้แบบสบายมือ

ขับออกนอกเมือง เข้าถ.มอเตอร์เวย์ เริ่มทำความเร็วได้ ไม่รอช้าไต่ความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ 120-130-140 ก.ม.ต่อช.ม. จนไปปริ่ม 160 ก.ม.ต่อช.ม. ได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีอาการสะดุด ที่สำคัญแป้นคันเร่ง ยังมีพื้นที่ให้เหยียบทำความเร็วได้อีก แค่วันนั้นมีโอกาสเท่านี้

ถือว่าไม่ธรรมดา สำหรับรถซีดานขนาดเล็ก ขุมพลังฟูลไฮบริด เป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รอบ/นาที แรงบิด 127 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500-5,000 รอบ/นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังที่ 109 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,000 รอบ/นาที

บนย่านความเร็วสูง เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาบ่อยหน่อย เพื่อทั้งเสริมกำลังให้กับตัวรถ พร้อมทั้งปั่นไฟฟ้า ส่งไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ส่งมอบต่อไปยังมอเตอร์ ทำให้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ชัดเจน

ระบบช่วงล่างเซ็ตมาได้แน่นหนึบ ยิ่งได้พวงมาลัยที่คมกริบ ช่วยให้ควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะบนย่านความเร็วสูง เปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือเข้าโค้งแรงๆ

ตลอดระยะทางการทดสอบ เลือกใช้โหมดประหยัด (ECON) ที่มีรูปใบไม้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ ประมาณ 80% เพราะเท่าที่เทียบกับโหมดนอร์มอลแล้วแทบไม่ต่าง จะมีอาการหน่วงบ้างเล็กๆ แบบถ้าไม่จับสังเกตอาจไม่รู้สึก

เมื่อปรับเป็นโหมดประหยัดแล้ว จะยังคงอยู่ตลอดไป ไม่ว่าจะดับเครื่องยนต์ สตาร์ตใหม่ กี่ครั้งก็ตาม ตรงนี้ถือว่าดี เพราะหลายครั้งที่เจอ ต้องเข้าไปตั้งค่าใหม่ทุกครั้ง แถมบางคันยัง ยุ่งยาก ลึกลับซับซ้อนจนแทบถอดใจ

ระบบความปลอดภัยเป็นสิ่งหนึ่งที่ฮอนด้า ภูมิใจนำเสนอ เพราะว่าได้ใส่ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ไว้ในทุกรุ่นย่อย อาทิ ระบบเตือน และควบคุมให้อยู่ในเลน ทำงานเบาๆ พอให้ได้รู้สึก ไม่ถึงกับตกใจ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

แต่ที่เห็นผลชัดเจนคือระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก เวลาเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป ระบบจะเตือนขึ้นมาทันที และแม้แต่จักรยานที่สวนเลนมา แล้วอยู่ในระยะ ระบบก็สามารถจับเจอ และทำงานทันที เพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น

ทดสอบกันเสร็จสรรพ กดดูอัตราสิ้นเปลือง ทำไว้ได้เฉลี่ย 22.3 ก.ม.ต่อลิตร กับระยะทางที่ทำไป 342.6 ก.ม. และเหลือน้ำมันที่วิ่งได้อีก 545 ก.ม. ขนาดถังน้ำมัน 40 ลิตร ประหยัดได้ใจเลยทีเดียว

ส่วนค่าตัวของเจ้าฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ใหม่ รุ่น VS อยู่ที่ 769,000 บาท แต่ถ้าจะขยับไปตัวท็อป รุ่น RS อยู่ที่ 839,000 บาท

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน