แม้จะเข้ามาดำเนินธุรกิจ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครบ 3 ขวบไปไม่กี่วัน แต่ดูเหมือน “เบนซ์ ไพรม์มัส” ภายใต้ร่มเงาของ กลุ่มบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด จะโตวันโตคืน
จนได้รับความไว้วางใจ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ให้ขยายสาขาไปยังภาคตะวันออก ที่พัทยา จากที่มีอยู่เดิมเพียง 1 แห่ง เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา อะไรทำให้ “เบนซ์ไพรม์มัส” ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว วันนี้มาฟังความจาก ผู้บริหารหนุ่ม จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ไพรม์มัส ออโต้เฮ้าส์ กันว่ามีดีอะไร
★ ผลดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา
เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ปีแรกที่เปิดดำเนินการ เราเจอกับโควิด-19 จนทำให้ต้องตั้งหลักกันพอสมควร แต่ด้วยความมุ่งมั่น ในการที่จะให้เบนซ์ไพรม์มัส เป็นโชว์รูม และศูนย์บริการ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในด้านการบริการหลังการขาย ที่ได้จัดเตรียมทีมงานไว้ก่อนล่วงหน้า 1 ปี ฝึกอบรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ ในการวิเคราะห์ ตัวรถได้อย่างตรงจุด สามารถแก้ปัญหาได้จบทุกราย ทำให้เกิดการบอกต่อ ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
★ ยอดขายและลูกค้าที่เข้าใช้บริการ
ยอดขายปีแรกทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย แม้จะมีโควิด-19 ขณะที่เมื่อปีที่แล้วมีอัตราเติบโต 45% และในปีนี้ครึ่งแรก มีอัตราเติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้ถึงวันนี้มีประชากรเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ขายโดยเบนซ์ไพรม์มัสไปแล้วประมาณ 3,000 คัน
สำหรับบริการหลังการขาย ถือว่าเป็นงานที่หนัก เพราะไม่มีฐานลูกค้ามาก่อน จากที่เริ่มต้นเดือนละไม่ถึง 400 คัน เพิ่มเป็น 600 คัน ล่าสุดมีลูกค้าเข้าใช้บริการเดือนละประมาณ 800 คัน เนื่องจากลูกค้าไว้วางใจในการให้บริการ ว่าเบนซ์ ไพรม์มัสไม่หนีปัญหา พร้อมที่จะดำเนินการให้อย่างเต็มที่
★ ขยายสาขาเพิ่ม
ได้รับความไว้วางใจ ให้เปิดสาขาเพิ่มที่พัทยา ใช้เงินลงทุนรวม 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกงานขาย และบริการหลังการขาย ตั้งอยู่บนถ.สุขุมวิท-พัทยาใต้ พื้นที่ขนาด 3 ไร่ โดยในส่วนงานบริการหลังการขาย ให้บริการได้ครบทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่รุ่นมาตรฐาน ไปจนถึงกลุ่มสมรรถนะสูง Mercedes-AMG หรือรุ่นรักษ์โลก รถยนต์ไฟฟ้า 100% Mercedes-EQ
Advertisement
ขณะที่ส่วนที่ 2 เป็นงานขายรถมือสอง รวมถึงงานซ่อมสี และตัวถัง บนถ.สุขุมวิท-นาจอมเทียน บนพื้นที่มากกว่า 3 ไร่ โดยงานซ่อมสี และตัวถัง ใช้เทคโนโลยีการอบพ่นสีล่าสุดจากอิตาลี ใช้แขนกลอินฟราเรดที่ควบคุมการทำงานอัตโนมัติ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สะดวก รวดเร็ว และเลือกตำแหน่งการอบ พ่น ได้ตามต้องการ ภายในห้องพ่นอบสีที่มีอุณหภูมิคงที่
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีน้ำ คุณภาพมาตรฐานระดับนานาชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับงานซ่อมสี และตัวถัง เดือนละ 150 คัน ให้บริการทั้งการซ่อมงานหนัก และงานเบา รับงานซ่อมจากบริษัทประกันทุกแห่ง
ด้วยทีมงานระดับมืออาชีพที่มีความรู้และความชำนาญด้านงานสี และตัวถังกว่า 20 ปี ซึ่งผ่านมาตรการการฝึกอบรมจาก Mercedes-Benz ระดับสูง
