ซอฟต์เพาเวอร์ไทย ผลิตซีรีส์วายโด่งดังไปทั่วโลก แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่าน

แต่หนังไทยซีรีส์ไทย ไม่สามารถทำเรื่องตำรวจทหาร ข้าราชการทุจริต ทั้งที่เอิกเกริกฉาวโฉ่ เพราะติดเซ็นเซอร์

ในทางกลับกัน หนังไทยซีรีส์ไทย ก็ไม่สามารถทำหนังนักสืบ ตำรวจคู่หู พระเอกจับผู้ร้าย อย่างฝรั่งเกาหลีที่เขามีกันเกร่อ เพราะคนไทยไม่ดู ไม่เชื่อถือ แถมจะโห่

นั่นคือเกียรติภูมิตำรวจในสายตาประชาชน องค์กรที่ นายกฯ บอกว่า “มีเกียรติ”

เข้าใจนะว่า ในฐานะผู้นำ ไม่สามารถผลีผลามพูดจา ต้องเห็นแก่วิชาชีพตำรวจ ซึ่งยังมีคนดีอยู่บ้าง (แต่ไม่มีอำนาจ)

โดยใจจริงเศรษฐาคงอยากปฏิรูปตำรวจแต่พูดไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อต่อรอง โดยไม่รู้ว่าจะต่อรองได้แค่ไหน ไม่สามารถตั้งเป้า อยู่ที่อำนาจอนุรักษนิยมฝ่ายต่างๆ จะหยวน ยอมให้เพียงใด

นี่คือวิธีคิดเพื่อไทย เชื่อการหยวนยอมต่อรองยักย้าย แบ่งปันอำนาจ เอาใจโผตำรวจทหาร แล้วขอแทรกคน ของตัวบ้าง พอกระแสสังคมกดดันก็เอาไปอ้างกับอำนาจอนุรักษ์ ขอปรับทีละอย่าง

ผิดไหม ไม่ผิดหรอก แต่ข้อแรก ประชาชนเหลืออด ไม่ต้องการแบบนี้แล้วไง ประชาชนต้องการปฏิรูปใหญ่ ข้อสอง เพื่อไทยไม่บอกแต่แรก แบบประกาศจุดยืนปฏิรูปกองทัพ แล้วกลับลำ “พัฒนาร่วมกัน”








Advertisement

เรื่องอื้อฉาวตำรวจไทย บุกค้นบ้านรอง ผบ.ตร. โดยไม่รู้จริงๆ นะว่าเป็นบ้านรอง ผบ.ตร. ทำให้ชาวบ้านหัวร่องอหาย คิดได้ไงว่าคนไทยไม่เคยดูซีรีส์เกาหลีหักเหลี่ยมเฉือนคมคิดว่าคนไทยเชื่อไม่เกี่ยวกับแต่งตั้ง ผบ.ตร.

แม้ไม่พูดตรงๆ ก็แสดงออกในคอมเมนต์ ในกลุ่มไลน์ ข้อมูลถูกบ้างผิดบ้าง เกี่ยวไหมกับคดีกำนันนก เกี่ยวไหมกับส่วยทางหลวง ฯลฯ ชาวบ้านไม่รู้หรอก แต่จินตนาการกันไป ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจยิ่งเลวร้าย

“รองโจ๊ก” ทำตัวเองเละเป็นโจ๊ก อ้างใช้เงินส่วนตัวทำคดีปีละ 24-25 ล้าน ให้เงินนักข่าวครั้งละหมื่น ฯลฯ แต่ประชาชนเชื่อไหม ที่พูดว่า “มีข้อมูลที่เปิดมาเมื่อไหร่ก็ตายกันหมด”เชื่อสิครับ ภาพลักษณ์ตำรวจเละยิ่งกว่าโจ๊ก

ซึ่งไม่ใช่เพิ่งเละ เพราะไล่ประวัติ “โจ๊ก” ย้อนหลัง ก็ขึ้นสูงลงต่ำอย่างปาฏิหาริย์ ปี 52 ถูกร้องเรียนเกือบถูกให้ออกแต่เงียบไป 2 ปีพ้นมลทินกลับมาใหม่ ปี 61 “ตั๋วป้อม” ดันเป็น ผบช.สตม. แต่อยู่ได้ครึ่งปีโดน ม.44 ย้ายเป็นข้าราชการพลเรือน

ปี 63 มีคดียิงรถ ตามด้วยเทปลับ รอง ผบ.ตร.ถูกสำรองราชการ อดเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. แล้วโจ๊กก็กลับมาผงาด

ใครถูกใครผิดไม่ทราบ แต่ประชาชนเห็นชัดว่าวงการตำรวจขัดแข้งขัดขากัน ยิ่งอยู่ใต้รัฐประหารสืบทอดอำนาจ ยิ่งจัดหนัก การแต่งตั้งโยกย้าย การให้ความดีความชอบ ไม่เป็นไปตามหลัก ต่างฝ่ายต่างมี “ตั๋ว” ข้ามหัวคนอื่นแบบ Fast track ผลประโยชน์พัวพันไปทั่ว อย่างทุนจีนสีเทา พัวพันทั้งตำรวจท้องที่ ตม.ข้ามไป DSI ปปง. อัยการ แต่เอาผิดได้จำกัด

ชาวบ้านจึงลุ้นให้โจ๊กเปิดข้อมูล “เซอร์ไพรส์” เผื่อจะได้ล้างกันหมด แม้มองว่าโจ๊กก็ไม่ใช่สีขาว

กระบวนการยุติธรรมไทยเป็นข่าวไปทั่วโลก ทั้งคดี 112 อานนท์ นำภา การแต่งตั้ง ผบ.ตร. บุกบ้านรอง ผบ.ตร.ข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นหนังฮิตในจีน กระทบท่องเที่ยวไทย ฯลฯ อย่าคิดว่าไม่เกี่ยวกัน ทั้งหมดนั้นมาจาก Rule by Legal Exceptions การปกครองด้วยสภาวะยกเว้นทางกฎหมายอย่างที่ธงชัย วินิจจะกูล กล่าวไว้

ระบอบที่ใช้กฎหมายตามใจอำนาจทำให้กลไกรัฐฉ้อฉลได้ง่าย แต่คนไทยก็ยังเชื่ออำนาจนิยม ชื่นชมตำรวจสไตล์อัศวิน สร้างภาพจับปราบเด็ดขาด

นึกย้อนตอนรัฐประหารใหม่ๆ ประยุทธ์สั่งทหารปราบอิทธิพล คนก็ร้องไชโย แล้วตอนนี้เป็นไง พากันสะใจ ชาดา ไทยเศรษฐ์ จะปราบอิทธิพล เชื่อทฤษฎีเกลือจิ้มเกลือจะได้ผล

ปัญหาโครงสร้างประเทศไทยเหมือนรถเก่าเครื่องหลวมควันดำ แต่ไม่ยอมให้ยกเครื่อง จ้างช่างมาปะผุ ทำสีซ่อมตัวถัง ช่างแนะนำได้แค่เปลี่ยนนอตบางตัว เดี๋ยวก็พัง

นั่นคือช่างชื่อเศรษฐา พรรคเพื่อไทย ฝีมือดีแค่ไหนก็ ช่วยยาก หวังอุดปัญหาเศรษฐกิจ อัดฉีดเงินหมื่น ก็เจอหุ้นตก ดอกเบี้ยขึ้น ซื้อเรือดำน้ำจีนยังค้างคา ทั้งเกรงใจจีนทั้งเกรงใจทหารยิ่งมาเจอเรื่องฉาวตำรวจ ประชาชนเรียกร้องให้สังคายนา

ประชาชนจะตระหนักและเหลืออดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ โดยไม่ใช่เพราะรัฐบาลเอง แต่เพราะอำนาจอนุรักษ์ใหญ่โตมหึมา

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน