เมืองไทย ภายหลังเหตุการณ์กราดยิง ทั่วเมืองและภายในห้างที่โคราช และการสังหารหมู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู คนไทยส่วนใหญ่ต่างตกอยู่ในอาการหวาดผวา

ยิ่งมีข่าวเด็กนักเรียนในต่างประเทศ จับอาวุธขึ้นมาไล่ยิงเพื่อนๆ ในโรงเรียน ด้วยแล้ว ความหวาดเกรงพฤติกรรม เลียนแบบว่าอาจจะลามมาเกิดขึ้นใน เมืองไทยก็ยิ่งทวีมากขึ้น

แล้วสิ่งที่หวาดกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ

นาทีเสียงปืนสนั่นพารากอน

ย้อนไปเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ต.ค. พ.ต.อ.นพดล เทียมเมธา ผกก.สน.ปทุมวัน นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุเสียงดังคล้ายปืนภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้ผู้มาใช้บริการทั้ง ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติกรูวิ่งหนีออกมาจากศูนย์การค้าอย่างอลหม่าน

จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณใกล้กับช็อปร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง บริเวณชั้นเอ็มของห้าง โดยช่วงเกิดเหตุมีเสียงดังขึ้นหลายครั้ง ทำให้ประชาชนที่เดินอยู่ภายในห้างต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน โดยพนักงาน รปภ.ของห้างกำลังเร่งอพยพคนออกจากห้าง

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 ส่งหน่วยอรินทราช เข้าตรวจสอบหาตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

ต่อมาตำรวจสายตรวจพบคนร้ายอยู่ภายในห้องกระจกร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ชั้น 3

เจ้าหน้าที่ปิดล้อมห้องดังกล่าวเอาไว้ ก่อนเจรจาจนผู้ก่อเหตุ ยอมวางอาวุธ จึงตัดสินใจทุบกระจกบุกเข้าควบคุมตัวไว้ได้ ตรวจสอบเป็นเด็กอายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืนคล้ายปืนกล็อก 19

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย รุดไปร่วมสอบสวน

ด.ช.รับซื้อปืนมาจากเน็ต

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เผยว่า เด็กชายมือปืนให้การวกวนคล้ายคน สติแตก อ้างว่าหูแว่วมีคนสั่งให้ก่อเหตุ ทั้งนี้พบว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคม บิดาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง แต่ช่วงหลังเริ่มติดเกมแนวแบตเทิลรอยัล

ขณะที่เด็กชายผู้ก่อเหตุ อ้างแต่ว่ามีเสียงในหัว บอกจะมีคนมาทำร้าย โดยมีประวัติรักษาตัวที่ร.พ. แต่ขาดยา ส่วนอาวุธปืนเป็นปืนแบลงก์กันดัดแปลงให้ใช้กับกระสุนจริง ซื้อมาจากในเว็บไซต์พร้อมกระสุนในราคาหมื่นกว่าบาท

นอกจากนี้มีรายงานว่า ในโทรศัพท์มือถือ พบคลิปวิดีโอบันทึกภาพการซ้อมการเปลี่ยนแม็กกาซีนบรรจุกระสุนปืนเก็บไว้ที่ คลังภาพ และก่อนจะเข้ามาก่อเหตุในห้าง ยังส่งภาพแม็กกาซีนบรรจุกระสุนไปให้เพื่อนในแช็ตอีกด้วย

พล.ต.ท.ธิติเผยว่า ผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ น.ส.จ้าว จินหนาน อายุ 34 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน เสียชีวิตบริเวณชั้นจี และ น.ส.โม มยิ่น ชาวเมียนมา พนักงานร้าน ‘เทคทอยส์’ ถูกยิงบริเวณลำคอ 1 นัด และที่ด้านหลัง 2 นัดเสียชีวิตที่ ร.พ.ตำรวจ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 5 ราย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รุดไปที่เกิดเหตุ

นายกฯรุดตรวจที่เกิดเหตุ

ต่อมาเวลา 19.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางถึงห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้ารายงานสถานการณ์ จากนั้นเดินทางมาเยี่ยม ผู้บาดเจ็บที่ร.พ.ตำรวจ และร.พ.จุฬาฯ ก่อนเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับผู้ป่วยทุกราย อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์

เมื่อถามถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยหลังมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ในช่วงนี้กำลังเข้าสู่เทศกาลต่างๆ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ดังนั้นคงต้องมีการประชุมและพูดคุยกันอีกครั้ง

ห้างดังโพสต์เสียใจ

หลังเหตุสลดคลี่คลายลง ทางห้างสยามพารากอน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สยามพารากอน ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์อันไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์และจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว

ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนทีมรักษาความปลอดภัยของสยามพารากอน ได้อพยพลูกค้าและพนักงานออกจากอาคารทันที โดยยึดถือความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน และร้านค้าทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

สยามพารากอนขอขอบคุณตำรวจ และอาสาสมัครทุกนาย และทีมรักษาความปลอดภัยของสยามพารากอนที่ได้ร่วมกัน ปฏิบัติหน้าที่เข้ายุติสถานการณ์อย่างเต็มกำลัง และขอขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มอบให้แก่พวกเราในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ หากมีความ คืบหน้าใดๆ จะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป

นาทีควบคุมตัวมือปืน

เจอชนวนกดดันผลการเรียนตก

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า เด็กชายวัย 14 เป็นเด็กกิจกรรม มักมีผล การเรียนไม่ค่อยดี ทางโรงเรียนจะรายงานผลการเรียนให้ผู้ปกครองทราบตลอด โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบมือถือของเด็กที่ ก่อเหตุพบแช็ตข้อความที่มีพูดคุยถึงผล การเรียนที่ตกลง โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ที่มีคะแนนไม่ถึงเป้า

มีการกำชับให้ปรับปรุงตัวและอ่านหนังสือ ก่อนเด็กที่ก่อเหตุจะส่งข้อความกลับไปเป็นภาพที่อยู่ภายในสนามยิงปืน แห่งหนึ่ง แล้วพิมพ์ตอบกลับสั้นๆ ว่า “ผมจะไปที่นี่” ซึ่งเป็นสถานที่ยิงปืนที่มัก จะไปเป็นประจำ

ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุอายุ 14 ปียัง ส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่ไปยิงปืน ด้วยกันว่า “ไปเจอกันที่ห้างนะ” และเมื่อ ไปถึงห้าง ผู้ก่อเหตุได้วิดีโอคอลหาเพื่อน คนดังกล่าว แล้วบอกว่า “จะยิงปืนแล้ว” ระหว่างนั้นเพื่อนพยายามบอกให้ใจเย็นๆ แต่ผู้ก่อเหตุกดตัดสายไป ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า เมื่อ ผู้ก่อเหตุถูกตักเตือนเรื่องผลการเรียน ก็มักจะส่งคลิปยิงปืนของตัวเองไปให้ตลอด ที่ผ่านมาผู้ปกครองรับทราบดีว่า ลูกชายชอบยิงปืนมากและมักจะไปสนามยิงปืนกับเพื่อนเป็นประจำ

นักท่องเที่ยวอุ้มลูกหนีตาย

เปิดนาทีตร.เจรจากล่อม

พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. เผยเบื้องหลังการจับกุมว่า ตอนเวลา 16.46 น. ของวันที่เกิดเหตุ (3 ต.ค.) เด็กที่ก่อเหตุโทรศัพท์เข้ามาที่สาย 191 ถามว่า รับทราบหรือยังว่ามีเหตุยิงกันที่สยามพารากอน จากนั้นจึงบอกว่า “ผมเป็นคนยิงเอง”

พอทราบว่าเป็นตัวผู้ก่อเหตุ เลยให้เจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ ในการเจรจาเป็นผู้พูดคุยซึ่งมีทีมเจรจารวมอยู่ทั้งสิ้น 7 คน

ขั้นตอนการเจรจาเริ่มจาก การสอบถาม “ชื่อ อายุ แต่งกายอย่างไร และพิกัด” ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุ ก็ตอบชัดเจนว่าชื่ออะไร อายุ 14 ปี แต่งกายด้วยเสื้อสีดำ กางเกงลายพรางทหารสีน้ำตาล สวมหมวก และแจ้งพิกัดคือ อยู่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ชั้น 3

การพูดคุยช่วงแรก จับอาการได้ว่า ผู้ก่อเหตุค่อนข้างเครียด และมีลักษณะจะทำร้ายตัวเอง ทีมเจรจาจึงพยายามเกลี้ยกล่อม ให้ใจเย็น มีสติ ระหว่างพูดคุย ผู้ก่อเหตุก็บอกตลอดว่า ตนยิงคน ได้รับบาดเจ็บ ต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน สาเหตุที่โทร.มาหา 191 สันนิษฐานว่าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะปรึกษาใคร ระหว่างที่คุยก็ทราบว่ามีอาการป่วย เพราะมีบางช่วงที่บอกว่าไม่ได้ทานยามานานแล้ว และถามถึงคุณพ่ออยู่ตลอด

พอผู้ก่อเหตุเริ่มใจเย็นลง เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้มอบตัว แต่ ผู้ก่อเหตุพูดกับทีมเจรจาว่า มอบตัวไม่ได้ เพราะมีเงาดำอยู่ เต็มไปหมดเลย และไม่ยอมให้เดินออกไป จึงแนะนำให้วางอาวุธ เอาอาวุธออกห่างจากตัว ยกมือขึ้นสูงเอาไว้ท้ายทอยและ นั่งลง ตอนแรกเจ้าหน้าที่ชุดเจรจาก็บอกให้เดินเข้าไปหาตำรวจ แต่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเดินไปไม่ได้เพราะมีเงา ไม่กล้าเข้าไป และบอก ว่าให้ตำรวจเข้ามาได้หรือไม่ จึงได้แจ้งตำรวจชุดปฏิบัติการ หน้างานเข้าชาร์จตัว โดยอยู่ในสายกันยาวนานถึง 23 นาที 41 วินาที

พฐ.เก็บหลักฐานในห้าง

แจ้ง 5 ข้อหาคุมส่งศาลเยาวชน

พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 เปิดเผยว่า เบื้องต้น ดำเนินคดีกับเยาวชนวัย 14 ปี ทั้งหมด 5 ข้อหา ได้แก่ “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนจะมีข้อหาอื่นๆ หรือไม่ อยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้อยู่ในระหว่างสอบสวนด้วยว่า ผู้ปกครองจะเข้าข่ายมีความผิด ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ด้วยหรือไม่ ส่วนการตรวจค้นบ้านพักที่พบเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก จะแยกดำเนินคดีเป็นอีก 1 คดี

ภายหลังเจ้าหน้าที่นำตัวมือปืนวัย 14 ส่งฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยศาลได้พิจารณาส่งตัวไปไว้ที่สถานพินิจ

‘เศรษฐา’สั่งเข้มกม.ปืน-ระบบเตือนภัย

หลังเหตุการณ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หารือกับหลายหน่วยงาน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน ที่แพร่หลายอยู่ในประเทศ กำชับให้กวดขันมากขึ้น

ขณะที่ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ สั่งการว่าระบบการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน หรือ Emergence Alert system ต้องรีบทำ โดยเฉพาะเรื่องอาวุธปืน ต้องยกระดับความเข้มงวดให้ครบวงจร ไม่ว่าจะอาวุธเทียมปืน ห้ามปล่อยให้มีการซื้อขายกันโดยง่าย ทุกอย่างต้องยากขึ้น รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญ ต้องยกระดับมากยิ่งขึ้น

ต่อมาวันที่ 5 ต.ค. ชุดสืบสวนนครบาล ประสานชุดสืบสวน จ.ยะลา จับกุม นายสุวรรณหงส์ พราหมณ์คณาจารย์ อายุ 45 ปี และ นายอัครวิชย์ ใจทอง อายุ 22 ปี สองพ่อลูกที่ขายอาวุธปืนให้ ผู้ก่อเหตุ ที่ อ.เมือง จ.ยะลา และ นายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ อายุ 31 ปี ผู้ที่ขายกระสุนปืนและแม็กกาซีนบรรจุกระสุน ให้กับผู้ก่อเหตุ พร้อมเตรียมขยายผลจับกุมลูกค้ารายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก

เหตุครั้งนี้นอกจากความสูญเสียต่อชีวิตที่ไม่สามารถประเมินค่าได้แล้ว ยังกระทบถึงท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องที่ต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กลับมา ก่อนจะลุกลามบานปลายจนกระทบถึงเศรษฐกิจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน