ระยะนี้หันไปทางไหน ก็เจอแต่คำถามว่า ซื้อรถอะไรถึงจะคุ้มค่า ทำให้ต้องถามกลับว่าคุ้มค่าที่ว่าคืออะไร เพราะแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน

ถ้าเป็นรถคันเดียวใช้ได้อเนกประสงค์ ขนคนได้เยอะ ขนของได้ดี มีให้เลือกตั้งแต่ SUV หรือถ้าไม่สนความนุ่มก็มี PPV แต่ถ้าอยากได้ที่ราคาไม่สูงมาก ประมาณว่าต่ำกว่า 1 ล้านบาท คงต้องมองไปที่ครอสโอเวอร์

ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เมื่อครั้งที่ได้ร่วมทริปทดสอบ รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด ได้ขับระยะทางค่อนข้างน้อย 100 กว่ากิโลเมตร ยังรับรู้อารมณ์รถได้ไม่เต็มที่

ว่าแล้วเลยกริ๊งกร๊างเข้าไปหา ผู้บริหารหนุ่ม วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ขอยืมมาทดสอบแบบยาวๆ เพื่อนำข้อมูลส่งต่อให้แฟนานุแฟน ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ได้รับทราบโดยทั่วกัน

รับรถที่สำนักงานใหญ่ซูซูกิ วงแหวนอ่อนนุช ที่บอกเลยว่าเป็นย่านที่รถใหญ่ประเภทรถบรรทุก รถคอนเทนเนอร์ เยอะมาก ด้วยเพราะใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบ D-shape ท้ายตัด ให้อารมณ์รถสปอร์ต จับกระชับมือ และมีความคมพอตัว ช่วยให้คุมรถไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

ด้วยรูปร่างกะทัดรัด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร สมาร์ท ไฮบริด ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า เข้ามาช่วยเรียกกำลังมาใช้งาน ได้ดีขึ้น

เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที และได้เพิ่มจากระบบไฟฟ้าอีกเล็กน้อย 2.3 กิโลวัตต์ หรือ 3 แรงม้านิดๆ แรงบิดอีกสูงสุด 50 นิวตันเมตร

ตีนต้นไม่ถึงกับจัดจ้าน แต่ไหลลื่น และต่อเนื่อง ไม่ต้องเข่น ต้องเค้นกำลังให้เหนื่อยใจ จึงค่อนข้างคล่องตัว หลบหลีกเร่งแซงเปลี่ยนเลน ทั้งพี่ใหญ่ น้องเล็กได้อย่างกระชับฉับไว

ขึ้นทางด่วน คราวนี้สบายหน่อย เพราะไม่มีน้องเล็กมอเตอร์ไซค์ ให้ต้องระแวดระวัง เวลาลงซ้าย ขึ้นขวาสบายมือ ยิ่งได้ความสูง ที่สูงกว่ารถเก๋งเล็กน้อย ช่วยให้มองเห็นเหตุการณ์บนถนนไปได้หลายขุม ประเมินได้แม่นยำว่าควรอยู่เลนไหนดี ถึงจะไปได้ไกลกว่า

วิ่งต่อเนื่องจนเข้าถ.สายเอเชีย เริ่มมีจังหวะทำความเร็วปลาย เข็มไมล์ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ถึงกับปรู๊ดปร๊าด เรียกว่าเหมาะกับบุคลิกรถสำหรับครอบครัว ที่ไม่ได้ต้องการความแรง ความเร็วสักเท่าไหร่

เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เหมือนรุ่นเดิม แม้จะดูน้อยไปหน่อย แต่ทีมวิศวกรซูซูกิแจ้งไว้ว่ามีข้อดีคือ ความทนทาน เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างไร้รอยต่อ จังหวะคิกดาวน์ เหมือนเครื่องยนต์หยุดคิดแว้บหนึ่ง ถ้าอยากได้กำลังแบบปัจจุบันทันด่วน มีปุ่มให้กดเรียกกำลังเพิ่มที่หัวเกียร์

วันนั้นทำความเร็วสูงสุดไว้ที่ 150 ก.ม.ต่อช.ม. ช่วงความเร็วคงที่ กำลังทั้งหมดมาจากเครื่องยนต์ ต่อเมื่อถอนคันเร่งช่วงลงเนิน หรือเพื่อชะลอรถ ไฟฟ้าจะถูกชาร์จกลับไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาด 6Ah 12V ลูกไม่ใหญ่ ซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร เพื่อนำกลับมาใช้งานยามต้องการเรียกกำลังเพิ่ม

ช่วงล่างทั้งบนย่านความเร็วปานกลาง หรือการเข้าโค้ง บนความเร็วที่เหมาะสม ไม่มีอาการหวิว หรือท้ายบานให้ได้รู้สึก เป็นผลมาจากการใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT ทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน-สตรัต หลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ความนุ่มนวลมีมาให้ระดับหนึ่ง ผ่านหลุม บ่อ คอสะพาน ไม่แรงมาผ่านได้สบาย แต่ถ้าแรงเกิน มีอาการตัวโยนให้ได้รู้สึก

กระจังหน้าใหม่ ดุดันมากขึ้น ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ เปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจกมองข้างพับ-กางอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Light Guides

ภายในปรับสีเบาะนั่งให้สว่างขึ้น ลายไม้จากเดิมเป็นสีน้ำตาล เปลี่ยนเป็นสีชาร์โคล หรูหรามีระดับ หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ รวมถึงภาพจากกล้องหลัง ขณะถอยรถ มีระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่สี MID ขนาด 4.2 นิ้ว คมชัด บอกสถานะการทำงานต่างๆ พร้อมแสดงการทำงานของระบบไฮบริด

ช่องแอร์สำหรับเบาะนั่งแถว 2 และแถว 3 อยู่ที่เพดาน ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ลองเข้าไปนั่งที่เบาะแถว 3 ได้ง่ายๆ ด้วยการเลื่อนเบาะแถว 2 ให้มาสุดด้านหน้า พร้อมพับพนักพิงด้วยปุ่มเดียว

เบาะนั่งแถว 3 มีพื้นที่วางขาอยู่พอประมาณ ปรับเอนหลังได้อีกเล็กน้อย แต่เข่าค่อนข้างชัน ถ้าไปไม่ไกลพอไหวอยู่ หรือควรเป็นคนอ้อนแอ้น เบาะนั่งแถว 2 แถว 3 พับได้เกือบราบ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

เสียงเตือนน้ำมันใกล้หมดถังดังขึ้น ขับไปทั้งหมด 564 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14.5 ก.ม.ต่อลิตร ถือว่าประหยัดอยู่พอตัว

ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด ปรับราคาใหม่ รุ่นท็อป GX ที่นำมาทดสอบ อยู่ที่ 765,000 บาท และรุ่นเริ่มต้น GL ราคา 699,000 บาท และหากตัดสินใจเป็นเจ้าของก่อนสิ้นปีนี้ ซูซูกิยังมีแคมเปญผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน ไว้ให้เป็นทางเลือก

จะได้ผ่อนสบายๆ ไม่ตึงมือจนเกินไปอีกด้วย

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน