นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญในแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงยางพาราอย่างจริงจัง ทำให้สัปดาห์นี้ราคายางแผ่นรมควันน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 60 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) และขณะนี้ราคายางพาราไทยสูงกว่าราคาเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมา ประมาณ 10 บาท/ก.ก.

จากราคายางพาราที่สูงขึ้น ทำให้ระยะห่างของไทยต่างจาก เพื่อนบ้าน กยท. จึงหารือกับผู้แทนจากองค์การส่งเสริมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ในประเด็นการลักลอบขนยางพารา ผิดกฎหมายเข้ามาฝั่งไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ กำลังเร่งจัดการปราบปรามและป้องกัน ส่วนประเทศเมียนมาเองมีกฎหมายและระเบียบในการส่งออกยางพาราอยู่แล้ว พบว่าการลักลอบไม่ได้ ขนเข้าไทยประเทศเดียวยังมีการลักลอบขนยางไปจำหน่ายในจีน อินเดีย

สำหรับราคายางพาราที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากเกิดจากการเอาจริงเอาจังกับมาตรการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราจากประเทศเพื่อนบ้าน ยังเกิดจากผลผลิตยางที่มีปริมาณลดลง เนื่องจากการปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ สงครามอิสราเอลที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทั่วโลก และผู้ใช้ยางพาราทั่วโลกก็กังวลต่อราคาที่อาจเพิ่มขึ้น และเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทสูงขึ้น ล้วนมีผลต่อราคายางพารา

“เพื่อสกัดการลักลอบนำเข้ายางพาราของเพื่อนบ้านซึ่งจากราคา ต่ำกว่าราคายางพาราไทย เกือบ 10 บาท กยท.ได้ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการตรวจสอบขบวนการขนยางพาราเพื่อนบ้านเข้าไทย ซึ่งได้ผลดีมาก และ กยท.ได้เตรียมขับเคลื่อนไปสู่การหารือกับ เมียนมา โดยประสานงานถึงกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา และสถานทูตเมียนมา เพื่อหารือและกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจริงจังต่อไป ขณะนี้หน่วยงานทั้งในและนอกสังกัด กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้านพืชผิดกฎหมายขึ้น เพื่อเร่งปราบปราม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน