เมื่อมาทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหม สื่อก็เลยเรียก นายสุทิน คลังแสง ว่า “บิ๊กทิน” เพื่อให้สอดรับกับฉายาของเหล่าคนในเครื่องแบบ ที่เรียกกันติดปากว่าบิ๊กนั่นบิ๊กนี่
แต่พร้อมๆ กันบิ๊กทิน เป็นที่จับตามองว่า จะทำหน้าที่คุมกระทรวงซึ่งเชื่อมโยงกับกองทัพได้อย่างไรและจะทำได้ดีแค่ไหน
ล่าสุดงานชิ้นสำคัญของบิ๊กทิน คือ การแก้ปัญหาเรือดำน้ำจากจีน ซึ่งยืดเยื้อคาราคาซัง โดยมีทางออกที่น่าจะชัดเจนและเป็นไปได้
ดังที่รู้กันว่า ฝ่ายจีนผู้ขายนั้น ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขสัญญาได้ คือ การติดตั้งเครื่องยนต์ของเยอรมัน
เพราะเยอรมันมีมาตรการแบนจีนจากเหตุปราบเทียนอันเหมิน จนเริ่มมีข้อเสนอให้เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของจีนแทน ซึ่งน่าจะสร้างปัญหายิ่งขึ้นไปอีก
จนสุดท้ายมีทางออกใหม่จากบิ๊กทิน นั่นคือ เลิกซื้อเรือดำน้ำจีน แต่เปลี่ยนเป็นซื้อเรือฟริเกตแทน!
เรือฟริเกต เป็นเรือรบความเร็วสูง มีทั้งอาวุธต่อสู้อากาศยานและอาวุธต่อสู้เรือดำน้ำ
คือเปลี่ยนจากเรือรบใต้น้ำ มาเป็นเรือรบเหนือน้ำ แต่ก็มีจุดเด่นคือ สามารถปราบเรือดำน้ำได้ด้วย
บิ๊กทินยืนยันว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะเรือ ดำน้ำถ้าใช้เครื่องยนต์จีนถือว่าผิดเงื่อนไขสัญญา ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือรบแทน จะเป็นประโยชน์กับกองทัพเรือของเรามากกว่า
อีกทั้งยังมองว่า เป็นทางออกที่คำนึงถึงความเป็นมิตรประเทศ ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์
ทางออกนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายแง่มุม แต่ต้องถือว่าเป็นทางออกที่เป็นรูปธรรม เป็นการตัดสินใจที่ชัดเจนของบิ๊กทิน!!
อันที่จริงปัญหานี้ เกิดตั้งแต่ยุครัฐบาลที่แล้ว และคาราคาซัง ไม่มีการตัดสินใจหาทางออก
เรื่องจึงมาตกที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และบิ๊กทิน
ก่อนหน้านี้ทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม เคลื่อนไหวหลายแนวทางเพื่อจะยุติเรื่องเรือดำน้ำให้ได้
ตามสไตล์เศรษฐา นั่นคือ ไม่ต้องไปทะเลาะกับจีนเพราะต้องร่วมมือกันอีกมาก ไม่ต้องทะเลาะกับกองทัพ แต่จะช่วยหาทางออกให้!
ทางออกนี้ถูกหรือผิดเช่นไร ให้ย้อนไปดูบทความของอาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หัวเรื่อง “แลกเรือดำน้ำ” โดยกล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งว่า
…บางทีทางออกที่น่าสนใจน่าจะเป็นการ “แลกเรือ” ระหว่างเรือดำน้ำที่มีปัญหา กับ “เรือคอร์เวต” เพื่อทดแทนต่อความ สูญเสียที่เกิดขึ้นกับเรือรบหลวงสุโขทัย
เพราะแม้นว่าทร. จะประสบความสำเร็จในการกู้เรือดังกล่าวได้ แต่ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูให้เรือนี้กลับสู่ภาวะปกติ อาจจะมีมูลค่าสูง
การแลกเช่นนี้ จะเป็นผลได้ของทุกฝ่ายคือ “win-win” ทั้งไทยและจีน
ข้อเสนอแนะของอาจารย์สุรชาติ ดูตรงกับทางออกของเศรษฐาและบิ๊กทิน เพียงเปลี่ยนจากเรือคอร์เวตเป็นฟริเกต ซึ่งใกล้เคียงกัน
อะไรที่เป็นทางออกเป็นประโยชน์กับไทยเรามากที่สุด ควรสนับสนุน!