วันที่ 5 พ.ย. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ว่า ตนมีโอกาสร่วมคณะ ในฐานะตัวแทนของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ติดภารกิจไปร่วมเปิดงานแสดงสินค้านานาชาติที่ประเทศจีน การตรวจราชการครั้งนี้นายกฯ มุ่งมั่นจะเร่งรัดการลงทุนจริงของภาคเอกชนในพื้นที่อีอีซีให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อเร่งสร้างงาน สร้างการผลิต และมูลค่าการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการการทำงาน และสื่อสารความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ชัดเจน ทั้งการเดินทาง การขนส่งสินค้า การบริการน้ำ ไฟฟ้าและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้เอกชนต่างๆ ที่นายกฯ ได้เชิญชวนมาร่วมลงทุนในประเทศในช่วงที่ผ่านมาและที่เตรียมการจะเชิญชวนต่อในเร็วๆ นี้

นายกฯ สั่งการให้การท่าเรือฯ หาแนวทางที่จะเร่งรัดการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังส่วนต่อขยายให้ได้ตามแผน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีโครงสร้างพื้นฐานในการขนส่งสินค้ารองรับเพียงพอ และได้รับทราบแนวทางการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมว่าได้ปรับแผนการผันน้ำเพื่อรองรับช่วงที่คาดว่าน้ำจะน้อยลงแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าจะมีน้ำเพียงพอต่อการใช้งานทั้งการอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม และการดำรงระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมถึงเป็นสักขีพยานประกาศความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนทั้ง 2 ราย คือ บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์

“เพื่อเร่งคลี่คลายปัญหาการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ และลดอุปสรรคที่ขวางการตัดสินใจลงทุนของเอกชนในต่างประเทศ นายกฯ ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เพื่อหาข้อสรุปทุกกรณีให้ชัดเจนภายใน 60 วันก่อนกลับลงมาตรวจราชการในพื้นที่นี้อีกครั้งหนึ่ง” นายชนินทร์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน