การอ้าแขนรับ 2 สส.ที่ถูกขับโดยพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

หากมองจากฐานเดิมที่พรรคไทยศรีวิไลย์ไม่มีสส.เลยแม้แต่คนเดียว การออกปากเชิญชวนครั้งนี้ของพรรคไทย ศรีวิไลย์ล้วนถือว่าเป็น “กำไร”

แต่ไหนแต่ไรมา พรรคการเมืองใดทำได้ก็ทำ

กระนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์รู้สึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่า เหตุใดพรรคภูมิใจไทยจึงยังเฉย พรรครวมไทยสร้างชาติก็เฉย พรรคพลังประชารัฐก็เงียบ

หากคิดว่าเกรงใจ “ก้าวไกล” ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

ยิ่งศึกษาจากกรณีของ “งูเห่า” ในยุคพรรคอนาคตใหม่ ยิ่งสัมผัสได้ใน “ความต่าง”

พรรคภูมิใจไทยไม่ลังเลเลยที่จะอ้าแขนออกโอบรัด สส.ศรีนวล แม้จะมีการระบุว่าเบื้องหลังการดีลมีเงินจำนวนมหาศาลมาพร้อมกับ “ข่าวลือ”

ยิ่ง “งูเห่า” รุ่นหลังๆ ยิ่งจัดที่ทางเอาไว้เสร็จสรรพ








Advertisement

แต่ในกรณีของ พี่แจ้ ปราจีนบุรี กับ พี่ปูอัด จอมทอง พรรคภูมิใจไทยไม่แสดงท่าทีอันใด พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็กริบ พรรคพลังประชารัฐยิ่งกริบ

อาจเพราะ “การล่วงละเมิดทางเพศ” มีความซับซ้อน

จะเข้าใจ “สถานการณ์” จำเป็นต้องคำนึงถึงบางคำพูดจาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ

ในการให้เหตุผลหนึ่งต่อความผิดวินัยถึงขั้น “ร้ายแรง” มิได้มาจากข้อกล่าวหาในเรื่อง “ล่วงละเมิดทางเพศ” เท่านั้น หากมีศัพท์ใหม่เสนอเข้ามา

เป็น “การฉ้อฉลแห่งอำนาจ” เป็น “คอร์รัปชั่น” แห่ง “อำนาจ”

นั่นก็คือ ท่านสส.ใช้ “อำนาจ” ที่เหนือกว่า อำนาจที่มีอยู่ในมือไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการ “ล่วงละเมิดทางเพศ” ต่อบุคคลอันเป็น “เป้าหมาย”

นี่คือบรรทัดฐานใหม่ เป็นบรรทัดฐานแห่งการใช้อำนาจ

เมื่อเกิดกรณี พี่แจ้ ปราจีนบุรี พี่ปูอัด เขตจอมทอง หลายพรรค อาจยิ้มกริ่ม ดีใจ

ดีใจที่พรรคก้าวไกลตกเป็น “ตำบลกระสุน” พรรคก้าวไกล อยู่ในสถานะตั้งรับในทางการเมืองจนแทบไม่ได้แสดงบทบาท ของเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องกอ.รมน.

หารู้ไม่ว่านี่คือการรุกในลักษณะ “ปักธง” ความคิดบรรทัดฐานใหม่การเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน