นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนและนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ขับเคลื่อนโครงการ มองว่าเศรษฐกิจไทยถึงแม้ชะลอตัว แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต จนต้องกู้เงินมาแจก

เศรษฐกิจไทยวิกฤตหรือไม่ เป็นหัวข้อถกเถียงไปมาระหว่างฝ่ายผลักดันสนับสนุนโครงการกับฝ่ายคัดค้านไม่เห็นด้วยมานานเกิน 2 สัปดาห์

วันจันทร์ที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของไทย ขยายได้เพียง 1.5% ลดจากไตรมาส 2 ที่ขยาย 1.8% และไตรมาสแรก 2.7%

ทำให้ 9 เดือนแรกของปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 1.9% และทั้งปีอาจไม่ถึง 2%

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ถึงกับใช้คำว่า “น่าเป็นห่วงอย่างมาก” และ “ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ”

กระนั้นก็ตามในไตรมาส 4 ที่ยังเหลืออีกครึ่งไตรมาส รัฐบาลยืนยันต้องพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น

ส่วนตลอดทั้งปีจะขยายได้ 2.5% ตามที่สภาพัฒน์คาดไว้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลมองว่า เป็นเรื่องยาก ไม่น่าจะทำได้

เพราะถ้าให้เป็นเช่นนั้นไตรมาสสุดท้ายจะต้องขยายอย่างน้อย 4.3% ซึ่งจาก แนวโน้มปัจจุบันแทบเป็นไปไม่ได้

“การที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำต่อเนื่อง ตลอด 10 ปีขยายตัวเฉลี่ยเพียงปีละ 1.8-1.9% ซึ่งต่ำมากและต่ำที่สุดในอาเซียน ไทยถูกขนานนามจากสื่อต่างประเทศว่าเป็นคนป่วยของเอเชียตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์โควิด เป็นการยืนยันการอยู่ในภาวะกบต้ม เป็นตามทฤษฎีกบต้ม ที่ผมเคยเตือนไว้ตั้งแต่ปี 2559” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกฯ ระบุ

แม้ 9 เดือนแรกของปีนี้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพียง 1.9% เฉลี่ยทั้งปีอาจไม่ถึง 2% แต่ข้อถกเถียงว่าเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่วิกฤต โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จำเป็นหรือไม่จำเป็น ก็ยังไม่จบ

ถามนายกฯ เศรษฐา ก็บอกว่า ทั้งวิกฤตและจำเป็น แต่หากไปถาม ฝ่ายค้าน ก็จะบอกว่าทั้งไม่วิกฤตและ ไม่จำเป็น แล้วแต่ใครจะตีความอย่างไร ตามสำนวน “สองคนยลตามช่อง”

คนหนึ่งมองเห็นเป็น “ลา” เซื่องซึมไปทั้งชีวิต แต่อีกคนมองเห็นเป็น “ม้าป่วย” ที่ต้องรักษาให้กลับมาคึกคักแข็งแรงวิ่งควบไปข้างหน้าได้เหมือนเดิม

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน