คดีนักเรียน-นักเลงไล่ฆ่ากลางกรุง กระสุนถูก น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือ ครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์จากโรงเรียน พระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต และ นายธนสรณ์ หรือ หยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาอุเทนถวายบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตำรวจระบุว่าคนร้ายกระทำเป็นขบวนการไล่ฆ่าเก็บแต้มนักศึกษาต่างสถาบัน มีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันให้ความ ช่วยเหลือ เข้าข่าย เป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก

ในที่สุดหลังการระดมสืบสวนอย่างหนัก ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซ้ำยังกระชากหน้ากาก “องค์กรมืด” ออกมาให้สังคมได้รับรู้

น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ ครูเจี๊ยบ

ทลายองค์กรมืดนักเรียน-นักเลง

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย และ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรี รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.น.5 รรท. ผกก.3 บก.สส.บช.น. นำกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น., บก.น.5 และสน.ทุ่งมหาเมฆ กระจายกำลังตรวจค้นพื้นที่ 5 จุด ควบคุมผู้ต้องหา 8 คน ประกอบด้วย 1.นายวรงชัย กัณฑ์ศรี อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1072/2566 ลงวันที่ 22 พ.ย.66 ถูกจับบริเวณหน้าบ้านพัก พื้นที่ ม.5 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 2.นายพฤฒิพล หรือ เอย ราชญาณ อายุ 22 ปี ถูกจับบริเวณหน้าตึก 5 เคหะเอื้ออาทรบางบัวทอง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 3.นายวุฒิพงษ์ ผลคำ อายุ 25 ปี 4.นายสัญปกรณ์ พรรณานนทศักดิ์ อายุ 24 ปี 5.นายสหัสวรรษ ภักดีนอก อายุ 23 ปี 6.นายจิรายุส สุวรรณศุภ อายุ 23 ปี 7.นายธนากร พันทองคำ อายุ 22 ปี และ 8.นายอภิเดช นาคประกอบ อายุ 21 ปี

ตร.แจ้งหาเบาะแส

ผู้ต้องหาที่ 3-8 ถูกจับกุมขณะมั่วสุมภายในบ้านพักหลังหนึ่งภายใน ซ.วงศ์สว่าง 19 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โดยการ สืบสวนพบว่านายวรงชัย มีส่วนร่วมในคดียิงน้องหยอดจนกระสุนถูกครูเจี๊ยบเสียชีวิต ส่วนนายพฤฒิพลเคยก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ ให้คนร้าย (ถูกจับได้ก่อนหน้านี้) ก่อเหตุกราดยิงใส่นักศึกษาอุเทนถวาย บริเวณหน้าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นคนเดียวที่ยังหลบหนีอยู่ และยังเป็นผู้ช่วยวางแผนและช่วยเหลือกลุ่มคนร้าย โดยเป็นเหรัญญิกรวบรวมเงินของกลุ่มขบวนการ ซึ่งทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธิติ ยังให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ร่วมกับ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบรถยนต์โตโยต้าแวน 4 ประตู สีเขียว ทะเบียน ขจ 9707 ชลบุรี ที่ถูก สภ.ไทรน้อย อายัดไว้ หลังพบจอดทิ้งไว้บริเวณริมคลองหนึ่ง ม.6 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี คาดว่าใช้เป็นพาหนะในการ รับมือปืนที่ก่อเหตุยิง น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ และนายธนสรณ์ หรือหยอด ถูกนำมาจอดซุกซ่อนไว้

อบรมเด็กใหม่

ไล่เช็กวงจรปิดกว่า 1,000 ตัว

ปฏิบัติการครั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ใช้ “มาตรการเด็ดขาด” พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้ บช.น. เร่งรัดสืบสวนและจับกุมคนร้ายโดยเร็วเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเป็นที่สนใจของประชาชน และคนร้ายมีจิตใจโหดเหี้ยมลักษณะเป็น “องค์กรอาชญากรรมแบบมือปืน” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงเรียกระดมกำลังสืบสวนติดตามคนร้ายชนิดแบบขุดรากถอนโคน จากการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 1,000 ตัว ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล จนพบว่าหลังก่อเหตุยิง 2 คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนใช้สีสเปรย์พ่นสีรถจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน รวมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จากนั้นจึงขี่รถต่อไปที่อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และมีคนร้ายอีกหลายคนให้การช่วยเหลือ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงจัดทีมวิเคราะห์เส้นทาง หลบหนี พร้อมเอาแฟ้มข้อมูลแผนประทุษกรรมกลุ่มบุคคลในเครือข่าย ก่อนหน้าเพื่อเชื่อมโยงพบมีลักษณะก่อเหตุของคนร้ายคล้ายคลึงกัน คนร้ายแบ่งขั้นตอนวางแผนดูเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุ เส้นทางหลบหนี ที่พักคอย จุดเปลี่ยน และตระเตรียมจุดที่ลงมือ จนพบพยาน หลักฐานยืนยันกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคู่อริมีผู้ร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 5 คน สืบทราบแหล่งเซฟเฮาส์อีก 4 แห่ง วงศ์สว่าง 19 เป็นเซฟเฮาส์ ทำกิจกรรมจนนำมาสู่การบุกจับกุมดังกล่าว

มีรายงานแจ้งว่าเซฟเฮาส์ ย่านวงศ์สว่าง 19 เป็นที่ซ่องสุม รวมตัวกันเพื่อเรียนรู้ ทักษะในการก่อเหตุ ข้อมูลว่ากลุ่มผู้ต้องหาส่วนมากที่ถูกจับกุมในครั้งนี้เป็นกลุ่มที่เพิ่งเข้ามารับการฝึกฝนถ่ายทอดจากรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ หรือเรียกว่าเป็นระดับอนุบาล ส่วนคนในกลุ่มที่เคยเรียนรู้และผ่านพ้นขั้นแรกมา จะได้ออกไปลองดูงาน เช่นไปสังเกตการณ์เหตุยิงในงานแต่งศิษย์เก่าอุเทนถวาย คนกลุ่มนี้จะมาอยู่ชั้นประถม โดยคนกลุ่มนี้พบถูกจับกุมในคดี ยิงครูเจี๊ยบและถูกคุมตัวได้เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาด้วย สำหรับกลุ่มที่เคยร่วมก่อเหตุจะถูกยกระดับให้อยู่ในชั้นมัธยม

บุกจับคาเซฟเฮาส์

สั่งขยายผลผู้อยู่เบื้องหลัง

ต่อมา พล.ต.ท.ธิติเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย พร้อมเผยว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาสองส่วน คือส่วนที่เป็นกลุ่มร่วมกันฆ่าผู้อื่น และอีกส่วนคือกลุ่มที่สมคบ และให้การสนับสนุน ซ่องสุม โดยส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะสอบสวนเพิ่มเติม หากมีข้อหา ที่เกี่ยวข้องจะแจ้งในภายหลัง โดยยังมีบางส่วนที่หลบหนีอยู่ สำหรับตัวมือยิงนั้น ตำรวจจะตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อใช้ยืนยันตัว ว่าบุคคลใดคือผู้ลั่นไก นอกจากนี้ยังพบว่าหนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุม มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงนักศึกษาอุเทนถวาย ที่หน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ธิติระบุว่า คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่จะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา ไม่มีงานทำ และสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาหาคนเข้ามาสนับสนุนตั้งกลุ่มขึ้น ชักชวนให้ผู้อื่นมาเข้ากลุ่มโปรโมตกลุ่ม สร้างคุณค่าให้คนที่เข้ามา จนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนที่จับมาส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกให้พ้นสภาพนักศึกษา มีที่ยังศึกษาอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีคำสั่งให้หาแนวทางป้องกันเอาไว้แล้วทั่วประเทศ เพราะคนกลุ่มเรียนรู้จากแผน ประทุษกรรมเดิมที่เคยก่อเหตุมาปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมได้ง่าย ไม่หนักใจหากที่ผ่านมาเมื่อจับกุมคดีประเภทนี้ ศาลจะยกฟ้อง เชื่อว่าตำรวจจะต้องทำพยานหลักฐานให้หนักแน่น และหากครบถ้วน และเชื่อว่ามีบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง เป็นแกนนำในการ ก่อเหตุ และจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดไม่ควรมีพื้นที่ในสังคม

เย็นวันเดียวกันตำรวจยังจับกุมนายธนภัทร เกตุชาติ อายุ 23 ปี เป็นรายที่ 9 ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแต่เกิดอาการช็อกจึงต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลรักษาตัว ก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดี

พล.ต.ท.ธิติระบุอีกว่า จากการตรวจค้นบ้านพัก พบว่ามีการ นำรูปของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งก่อนๆ ที่เป็นนักศึกษา ในรั้วสถาบันของตัวเองมาติด เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่ม ส่วนตัวมองว่ายังไม่เข้าข่ายลัทธิความเชื่อ เป็นเพียงคนที่สร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาแล้วให้ผู้อื่นไปก่อเหตุโดยใช้สัญลักษณ์ ของสถาบันการศึกษาเท่านั้น

สำหรับนายวิน ที่รายงานข่าวเชื่อว่าคือมือลั่นไก และนายเลาะ ซึ่งเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัว อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่ากลุ่มนี้มีจำนวนถึง 80 กว่าคนด้วยกัน

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สอบคนร้าย

เปิดแช็ตลับสมาชิกองค์กร

ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดชเผยว่า จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจที่ผ่านมา กล่าวได้เลยว่ามีการพัฒนาจนเกินกว่า “องค์กรอาชญากรรม” ไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขี่รถมาก่อเหตุ แต่มีการวางแผนกันเป็น 10 คน ยิ่งกว่าในภาพยนตร์ มีรุ่นพี่ที่เรียนไม่จบ หรือเรียกว่าพวก “ผี” เป็นพี่เลี้ยง มีกองทุนเพื่อไว้หาอุปกรณ์ก่อเหตุ กองทุนไว้ประกันตัว จ้างทนายมาต่อสู้คดี และที่เห็นจะเลวร้ายที่สุดคือเมื่อมีคนถูกจับได้ พอถึงชั้น เบิกความจะตามพรรคพวกมานั่งฟังการไต่สวนของชุดสืบสวน นำข้อมูลไปพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไม่ให้โดนจับได้อีก ในแนวทางเขามีหัวหน้าแก๊งแต่จะปกปิดเป็นความลับไม่มีใครยอมพูด พบอีกว่า เงินที่ใช้สนับสนุนนอกจากเรี่ยไรมาแล้วยังมี เงินจากยาเสพติดและแก๊งขโมยรถอีกด้วย

“ตอนนี้มือปืนและคนขี่รถจักรยานยนต์ ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว โดยผบ.ตร.กำชับให้จัดการอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าตำรวจจับโดยไม่มีหลักฐาน และไม่โดนตัดสินลงโทษ คนกลุ่มนี้ ก็จะถูกยกระดับในองค์กรมากขึ้นไปอีก ในยุทธจักรเด็กช่างยังมีองค์กรแบบนี้อีก แต่กลุ่มนี้ถือว่าหนักที่สุดแล้ว” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่คนไม่ใช่ศิษย์เก่าเข้ามาชักชวนกลุ่มนักศึกษาเข้าองค์กรนั้น เป็นวัฒนธรรมที่มีมากว่า 30 ปีแล้ว แต่มาผิดเพี้ยนถึงขั้นเรียกได้ว่าป่วย เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็ได้รับ คำขอบคุณจากรุ่นใหญ่ในสถาบันที่ได้เชิญมาเป็นที่ปรึกษาในการทำคดีที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างจริงจัง และแยกกลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากสถาบันที่พวกเขารัก ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ดีและรักสถาบันจริงๆ ของทั้งสองสถาบัน ที่ให้ความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางเพจสืบนครบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีความเข้มแข็งและทำงานเชิงรุก มีการปราบปรามอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะทำให้การก่อเหตุเช่นนี้ลดลง

แม่รับศพน้องหยอด

ขณะที่ต่อมามีการเปิดเผยแช็ตกลุ่มลับที่ใช้พูดคุยกัน โดยในกลุ่มนั้นมีสมาชิกจำนวน 103 คน โดยมีข้อความหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ ข้อความระบุว่า “พี่ขอแสดงความยินดีกับน้อง ช.ก…. ที่พาน้อง ช.ก…. ไปเกิดได้อย่างสมศักดิ์ศรีช่างกล…..”

ผลการสืบสวนสอบสวนคดี จนนำไปสู่การเปิดโฉมองค์กรลับที่ออกไล่ล่านักเรียนนักศึกษาอาชีวะ เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น พล.ต.ต.ธีรเดชยืนยันหนักแน่นว่า ตำรวจจะเดินหน้าขุดรากถอนโคน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน