พรรคก้าวไกลรุกคืบผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม โดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายขอเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย หลายกลุ่ม ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งเสื้อแดง กลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหว นักกฎหมาย นักวิชาการ ที่เคยเสนอเรื่องนิรโทษกรรม รวมถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนักสิทธิมนุษยชน

ล่าสุด คือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ อดีตแกนนำ กปปส.

เป็นการขยับหลังยื่นเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ขัดแย้งทาง การเมือง พ.ศ….. ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา

นายชัยธวัชกล่าวถึงผลตอบรับของการเดินสายพูดคุยว่า ผลการตอบรับโดยเฉพาะจากกลุ่ม กปปส. และกลุ่มพันธมิตรโดยภาพรวมถือว่าดี แม้อาจมีบางกลุ่มที่ยังมีคำถามอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มีทั้งคนเห็นด้วยและยังมีคำถามบางอย่างก่อนตัดสินใจ แต่ถือว่าพรรคได้โจทย์เพื่อดำเนินงานต่อ

สุดท้ายหวังว่ากระบวนการพูดคุยกับทุกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้อง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง เมื่อสร้างความเห็นร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรมจะทำให้พรรคต่างๆ เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาประกบ เพื่อพิจารณาร่วมกับร่างของพรรคก้าวไกล

เพราะมองว่าสิ่งที่จะมีผลอย่างมีนัยยะสำคัญ คือเสียงของกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่เคยขัดแย้งกัน ถ้ามีความเห็นร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ที่เคยขัดแย้งกัน จะทำให้พรรคต่างๆ สบายใจมากขึ้นในการที่จะเสนอเรื่องนี้

หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ เป้าหมายการเดินสายพูดคุยเพื่อหาจุดร่วม หรือความเห็นร่วมที่เป็นไปได้เพื่อให้เกิดการนิรโทษกรรมได้จริง ถ้ามีสัญญาณที่ดีจากหลายๆ ฝ่ายที่เคยขัดแย้งกัน

โดยเชื่อว่าการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง จะเป็นจุด เริ่มต้นที่นำไปสู่กระบวนการปรองดอง คลี่คลายความขัดแย้งได้โดยสันติด้วยกระบวนการทางประชาธิปไตย แน่นอนไม่สามารถทำให้ทุกคนคิดตรงกันหมด แต่สามารถสร้างกระบวนการคลายความขัดแย้งหรือแข่งขันกันทางความคิด โดยสันติได้

“ได้เวลาแล้วที่จะหันหน้ามาปรองดองกัน ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้ง ความเห็นต่าง ได้เวลาแล้วที่จะคืนความยุติธรรมให้กับทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นนักโทษการเมือง หรือมีคดีสืบเนื่องจากการเมืองแล้วได้รับความเป็นธรรมอยู่คนเดียว” นายชัยธวัชระบุ

แต่เนื่องจากร่างของพรรคก้าวไกลที่แม้จะมัดรวมกลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมปี 2549 กลุ่มนปช.ชุมนุมปี 2552-2553 กลุ่มกปปส.ชุมนุมปี 2556-2557 กลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่ชุมนุมปี 2557-2562 และคณะราษฎรที่ชุมนุมปี 2563-2564 ที่ต่างได้รับอานิสงส์จากร่างกฎหมายนี้

หากที่เป็นประเด็นอุปสรรคต่อการหาแนวร่วมคือ กรณีนิรโทษคดีความผิดมาตรา 112 ซึ่งในร่างไม่ได้เขียนเป็นข้อห้ามไว้ เพียงแต่ระบุการนิรโทษไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของคน 3 กลุ่ม เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ทั้งผู้สั่งการ ผู้ปฏิบัติ, การกระทำผิดต่อชีวิตตามกฎหมายอาญา และทำผิดมาตรา 113 ซึ่งเป็นไปตามหลักการไม่สนับสนุน ‘วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด’

เมื่อสำรวจความเห็นจากฝั่งรัฐบาล และสว.ต่อร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมดังกล่าว ทำให้มีข้อท้วงติง

ในส่วนพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ระบุ รัฐบาลมุ่งมั่นจะทำทุกเรื่องที่เป็นข้อสรุปในสังคมแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีข้อสรุปแล้วจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ยังไม่อยากทำ เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งใหม่ในขณะที่เราได้สลายความขัดแย้งเดิมไปแล้ว

หน้าที่ของเราวันนี้คือทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่าให้ความขัดแย้งใดๆ เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนประเทศ ส่วนที่พรคก้าวไกลเดินสายไปรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ทั้งพรรคการเมืองและพุทธะอิสระนั้นเป็นสิทธิ ขอให้สรุปมาอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลนี้ทำได้ก็จะทำ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ต้องขอดูรายละเอียดของกฎหมายก่อนว่ามีสาระสำคัญ หลักการและเหตุผลอย่างไร ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน คิดว่ารัฐสภาก็จะพิจารณา

ยืนยันด้วยว่าช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่นโยบาย เรื่องนิรโทษกรรมไม่ค่อยได้พูดเท่าไร อย่างไรก็ตาม อะไรที่ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 พรรคก็จะเห็นด้วย ถ้าเป็นความผิดทางด้านการเมืองจริงๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากขอดูรายละเอียดของตัวร่างอีกครั้ง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า พรรค เพื่อไทยจะเห็นด้วยกับร่างของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ต้องให้กรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรค รวมถึงที่ประชุมพรรคเพื่อไทยพิจารณา เพราะต้องดูเนื้อหาสาระ

เราไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ ต้องดูความเป็นไปได้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ได้รับผลกระทบตัวจริงหรือไม่อย่างไร และต้องไปดูตัวบทว่ามีอะไรเป็นข้อจำกัด หรือจะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่

ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กฎหมายดังกล่าวหากจะสร้างความปรองดองแก่ทุกฝ่ายทางการเมืองที่เห็นต่างนั้นยอมรับได้ แต่ต้องไม่ใช่ความผิดจากการกระทำที่รุนแรง และต้องไม่ละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและรับไม่ได้หากจะนิรโทษความผิดในมาตรา 112 เชื่อว่าสภาก็ไม่เห็นด้วย

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ยืนกรานตั้งแต่พรรคก้าวไกลเสนอ ร่างใหม่ๆ ว่า หากเป็นประชาชนทั่วไปเราเห็นด้วย แต่กรณีมาตรา 112 ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมถึงความผิดทางอาญาร้ายแรง หรือกรณีการทุจริตไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม

ส่วนทางฝั่งสว. มีความเห็นจาก นายสมชาย แสวงการ เห็นด้วยกับการทำความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งไม่จำเป็น ต้องออกเป็น พ.ร.บ. รัฐบาลสามารถออกเป็น พ.ร.ก.ได้เลย แต่ต้องชัดเจนว่าไม่มี 3 คดีสำคัญ คือ การทุจริตชาติ คดีอาญาร้ายแรง เช่น ฆ่ากันตายแล้วอ้างเหตุทางการเมือง และคดีความผิด ม.112

เส้นทางร่างของพ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับก้าวไกลดูแล้วไม่ ราบรื่นเท่าไร และอาจเป็นเหตุหนึ่งที่พรรคก้าวไกลอยากให้พรรคอื่นๆ เสนอร่างประกบเข้าสภา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน